โทรศัพท์มือถือถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน มีหลากรุ่นหลากราคาตามกระแสนิยม และราคาก็ใช่ว่าจะถูกหากพังขึ้นมาก็คงเสียทั้งเวลาและเงินโดยใช่เหตุ จ่ายเงินซื้อครั้งหนึ่งแล้วหลายคนก็คงอยากให้มือถืออยู่ด้วยไปนานๆ แต่! พฤติกรรมการใช้มือถือของบางคนกลับเสี่ยงทำให้มือถือพังเร็วโดยไม่รู้ตัว ว่าแต่พฤติกรรมทำลายสมาร์ทโฟนจากผู้ใช้ที่ทำให้เสี่ยงเครื่องพังไวจะมีอะไรบ้างนะ?
1. เคลียร์แอปพลิเคชันในโทรศัพท์บ้าง
การที่แอปพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนที่เรากำลังใช้งานมีปัญหา ค้างนิ่งเปิดไม่ได้อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าโทรศัพท์อาจกำลังมีปัญหา เพราะหน่วยความจำในตัวเครื่องเต็มเนื่องจากมีแอปพลิเคชันเยอะเกินไป การเคลียร์พื้นที่โทรศัพท์โดยการลบแอปฯ ที่ไม่จำเป็นทิ้งบ้างจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรใส่ใจ การเคลียร์พื้นที่หน่วยความจำจากการลบแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็นหรือไม่ค่อยได้ใช้งานออกอาจจะช่วยแก้ปัญหาของการใช้งานที่สะดุดได้นะ
2. ใช้สายชาร์จแบตเตอรี่ที่ไม่ใช่ของแท้
ด้วยราคาของสายชาร์จแบตเตอรี่แท้ที่แพง การหาซื้อสายชาร์จปลอมมมาทดแทนจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหาที่หลายคนทำกันบ่อยๆ รู้ไหมว่าการทำแบบนี้จะยิ่งทำให้มือถือพังเร็ว เนื่องด้วยมาตรฐานกำลังไฟที่ต่างกัน เมื่อนำมาใช้งานสายชาร์จเหล่านี้ก็จะยิ่งลดอายุการใช้งานของโทรศัพท์ลงไปด้วยนั่นเอง
3. ปล่อยให้แบตเตอรี่หมดจนเครื่องดับ
การปล่อยให้แบตเตอรี่มือถือเหลือพลังงาน 0% จนเครื่องดับแล้วค่อยนำไปชาร์จบ่อยๆ จะทำให้โทรศัพท์มือถือของเรามีประสิทธิภาพการใช้งานที่แย่ลงไปกว่าเดิมเรื่อยๆ ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ประสิทธิภาพการทำงานของแบตเตอรี่แย่ลง ดังนั้นอย่ารอให้แบตหมดจนเครื่องดับบ่อยๆ ล่ะ
4. เล่นโทรศัพท์ขณะชาร์จแบต
นิสัยสุดแย่ที่อาจทำให้โทรศัพท์พังและยังเป็นอันตรายเสี่ยงไฟดูดคือการเล่นมือถือพร้อมๆ ไปกับการชาร์จแบต การชาร์จแล้วเล่นมือถือโดยตรงแบบนี้อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ หากมีไฟรั่วก็อาจทำให้เราถูกไฟดูดได้ ส่วนการชาร์จแบตแช่ไว้ทั้งคืนจะทำให้มือถือได้รับกระแสไฟความแรงสูงอยู่ตลอดอย่างยาวนาน ซึ่งส่งผลเสียทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพลงไปกว่าเดิม
5. เปิด WIFI และ Bluetooth ทิ้งไว้เสมอ
หากเราเปิดใช้งาน WiFi และ Bluetooth อยู่ตลอดเวลาจะค่อยๆ ทำร้ายมือถือเครื่องโปรดให้เสื่อมสภาพลงไปเรื่อยๆ เพราะฟังก์ชั่นทั้งสองนี้จะกินแบตเตอรี่ของมือถืออยู่ตลอด แม้เราจะไม่ได้ใช้งาน สิ่งนี้จะทำให้โทรศัพท์มือถือค่อยๆ เสื่อมสภาพลงไปอย่างเงียบๆ ดังนั้นอย่าลืมปิดฟังก์ชั่นทั้งสองนี้ทุกครั้ง เมื่อไม่ได้ใช้งานกันนะคะทุกคน
6. อนุญาตให้ทุกแอปฯ เข้าถึงตำแหน่งการใช้งาน
ในแต่ละแอปฯ มักมีฟังก์ชั่นกำหนดตำแหน่งบริการหรือระบุตำแหน่งการใช้งาน หากเราอนุญาตให้ทุกแอปฯ เข้าถึงได้จะทำให้เปลืองแบตเตอรี่โดยใช่เหตุ ทำให้แบตหมดเร็ว อีกทั้งยังทำให้แอปฯ เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเราได้ตลอดเวลาด้วย ดังนั้นเมื่อเข้าใช้งานแอปฯ ต่างๆ หากมีการถามว่าจะอนุญาตให้เข้าถึงตำแหน่งไหมควรปฏิเสธบ้างสำหรับแอปฯ ที่ไม่จำเป็น เช่น แอปฯ แต่งรูปหรือถ่ายภาพ และปิดแอปฯ ที่ระบุตำแหน่งทุกครั้งหลังใช้ เพื่อเซฟแบตและยืดอายุการใช้งานของโทรศัพท์
7. เปิดหน้าจอทิ้งไว้ตลอดเวลา
ข้อห้ามสุดท้ายและสำคัญที่สุด! นั่นคืออย่าปล่อยให้โทรศัพท์มือถือเปิดแอปฯ หรือหน้าจอค้างไว้ โดยไม่ทำการปิดแอปฯ หลังการใช้งาน เพราะทั้งแอปพลิเคชันและแสงสว่างต่างเป็นตัวการดูดพลังงานจากแบตเตอรี่ ทำให้แบตหมดเร็ว แนะนำให้เลือกตั้งค่าประหยัดแบตเตอรี่ หรือโหลดแอปฯ ที่ช่วยในเรื่องของการประหยัดแบตเตอรี่มาเป็นตัวช่วย เพื่อควบคุมการใช้งานของแอปฯ ต่างๆ ในสมาร์ทโฟนให้ทำงานอย่างเหมาะสม
เมื่อใช้เป็นก็ต้องดูแลรักษาให้เป็นนะคะ แค่เลิกทำพฤติกรรมเหล่านี้มือถือคู่ใจก็สามารถยืดอายุการทำงานอยู่กับเราไปนานๆ ได้แล้วล่ะค่ะ
ที่มา: tagsis
ที่มาภาพ: i.pinimg,wehearti.1,wehearti.2,wehearti.3,yoou.ch,pikdo,picsart,sooviin38
Hi!! I'm Coojii อยากผ่อนคลายติดตามเรื่องราวไลฟสไตล์ชิคคูล คลิก Akerufeed โหลดความสุขสิ่งดีดี พร้อมรอส่งต่อกับทุกคนอยู่ที่นี่นะจ๊ะคนดี