“สิว” หนึ่งในปัญหาผิวที่สาวๆ ต้องเจอเกือบทุกช่วงวัย ต้นตอของสิวเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน บางทีก็เป็นมาจากฮอร์โมนภายในร่างกาย สภาพอากาศ มลภาวะ และการทำความสะอาดผิวหน้าผิดวิธี เมื่อรักษาสิวได้ สิ่งที่ตามมาก็เป็นปัญหาใหญ่พอๆ กัน ซึ่งก็คือ “รอยสิว” นั่นเอง สิวยุบแต่รอยสิวไม่จางตาม เกิดเป็นรอยดำ รอยแดง หรือรอยนูนบนใบหน้าฝังลึกเห็นชัดจนแก้ยาก วันนี้เราไปทำความรู้จักกับรอยสิวประเภทต่างๆ และวิธีลดรอยดำจากสิวแบบเร่งด่วน! พร้อมรีวิวการลดรอยสิวภายใน 14 วัน ด้วยเซรั่มลดรอยสิวและรักษาสิวไปด้วยพร้อมๆ กัน ตัวใหม่จาก Eucerin Pro Acne Solution Anti-Acne Mark Triple Effect Serum จะเห็นผลตามคาดไหม ไปดูกันค่ะ
สารบัญ
ทำความรู้จักรอยสิว รอยสิวเกิดจากอะไร
รอยสิวเกิดจากอะไร ต่างจากจุดด่างดำทั่วไปอย่างไร วันนี้พี่อะเครุจะพาไปรู้จักกับประเภทของสิวและรอยสิวแต่ละแบบกัน ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันว่า “รอยสิว” (Acne Scar / Acne Mark) คือ “รอยที่เกิดขึ้นหลังจากเป็นสิว” ต่างจากหลุมสิวและจุดด่างดำทั่วไป คือ มักเกิดจากการอักเสบหรือการอุดตันที่ใต้ชั้นผิวหนังหรือภายในรูขุมขนของเรา ดังนั้นครีมทาหน้าขาวหรือไวท์เทนนิ่งทั่วไปก็เอาไม่อยู่ เพราะไม่ได้ไปรักษาจากต้นตอที่แท้จริง
ซึ่งลักษณะของรอยสิวมีหลายแบบทั้งรอยสิวทั่วไป รอยแดง รอยดำ และรอยสิวคีลอยด์ ทำให้สีผิวของเราไม่สม่ำเสมอกัน อีกทั้งยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำจากเชื้อสิวเดิมได้อีกด้วย ต่อไปนี้คือลักษณะของรอยสิวแบบต่างๆ
- รอยสิวทั่วไป (Normal Acne Scars) มักมีลักษณะเป็นรอยเล็กๆ ตื้นๆ ไม่ลึกมาก ปกปิดง่าย และสามารถจางลงได้ในระยะเวลาหลายสัปดาห์ สิวแบบนี้ใช้สกินแคร์หรือเซรั่มรักษาไปเรื่อยๆ ก็เอาอยู่
- รอยดำจากสิว (Hyperpigmentation Acne) เกิดจากการแกะหรือบีบสิว สามารถจางลงได้ภายในระยะเวลาหลายเดือน (แล้วแต่จำนวนและขนาดของรอย) รักษาได้ด้วยการทายาลดรอยสิวหรือเซรั่มลดรอยสิว ยาทาในกลุ่มเรตินอยด์และเลเซอร์รักษารอยสิว
- รอยแดงจากสิว (Post-inflammatory Erythema) รอยแดงที่เกิดจากสิวอักเสบบนผิว อาจเผลอไปแกะหรือบีบสิว ทำให้มีเลือดคั่งบริเวณนั้นจนเกิดการอักเสบนั่นเองค่ะ คนผิวขาวมักเห็นรอยแดงได้ชัด รักษาได้ด้วยการหมั่นทำความสะอาด ไม่ไปแคะ แกะ เกา จนทำให้ระคายเคือง ทายาสิวก็ช่วยได้
- รอยสิวคีลอยด์ (Keloid Scars) มีลักษณะเป็นแผลเป็นนูนอย่างเห็นได้ชัด มักเกิดจากรอยสิวอักเสบที่ถูกทิ้งไว้นานไม่ผ่านการรักษา หรืออาจกดสิวบีบสิวแรงๆ ทำให้เกิดเป็นเนื้อแข็งๆ มาแทนที่บริเวณผิวที่เกิดรอย คีลอยด์จะค่อนข้างรักษายาก แนะนำเป็นวิธีใช้ยาทารอยแผลเป็นและการทำเลเซอร์เฉพาะทาง
วิธีลดรอยสิวให้ได้ผลเร็วที่สุด
บอกต่อเคล็ดลับดีๆ กับวิธีลดรอยสิว รักษารอยดำจากสิวอย่างเร่งด่วนทำอย่างไร รอยสิวที่เป็นอยู่นั้นมีโอกาสหายไหม ไปดูวิธีลดรอยสิวที่เรานำมาฝากกันค่ะ
- ไม่แกะหรือบีบสิวที่เป็นอยู่ เพราะการสัมผัสใบหน้าแต่ละครั้งเท่ากับว่าสิ่งสกปรกได้ไปเกาะบนผิว หากเราเผลอไปแคะ แกะ เกา หรือบีบสิวที่เป็นอยู่แล้วละก็ จะทำให้มีเชื้อโรคเข้าไปมากขึ้น ยิ่งสัมผัสยิ่งก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว อาจทำให้เกิดการอักเสบ จนอาจลุกลามไปยังจุดอื่นๆ และเป็นรอยสิวที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมได้ แนะนำว่าหากจำเป็นต้องสัมผัสใบหน้าจริงๆ ควรล้างมือให้สะอาดก่อน
- ไม่ปล่อยรอยสิวไว้นานเกินไป ยิ่งรอยสิวที่เป็นอยู่นานจะยิ่งแก้ไขและรักษาได้ยากขึ้น บางคนเป็นร่องลึก บางคนพัฒนาเป็นรอยดำรอยแดง หรืออาจกลายเป็นแผลคีลอยด์ในกรณีที่เป็นหลุมสิวที่ใหญ่เกินไป จนเนื้อบริเวณนั้นนูนขึ้นมา ตอนที่เริ่มเป็นสิวให้หายารักษาสิวมาทาแต่เนิ่นๆ
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ การดูแลตัวเองจากภายในสู่ภายนอกก็สำคัญเช่นกัน และเป็นวิธีที่ต้องทำควบคู่ไปกับวิธีอื่นๆ น้ำมีคุณสมบัติช่วยเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง ผิวไม่แห้ง น้ำจะไปช่วยขับบรรดาของเสียและสารพิษภายในร่างกายออกมา การดื่มน้ำทุกวันอย่างเพียงพอจึงมีส่วนช่วยให้รอยสิวจางลงได้
- ทานวิตามินควบคู่ วิตามินลดรอยสิวหาได้จากผักผลไม้ในกลุ่มวิตามินซีสูง เช่น ส้ม สตรอว์เบอร์รี ลิ้นจี่ บร็อกโคลี่ มะขามป้อม ฯลฯ และในรูปแบบสำเร็จรูปพร้อมทาน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ลดเลือนริ้วรอย ลดเลือนจุดด่างดำ ช่วยสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวเต่งตึงและขาวกระจ่างใสขึ้น
- ไปเลเซอร์ลดรอยสิว การเลเซอร์เป็นวิธีที่ได้ผลเร็ว เหมาะแก่ผู้ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว รักษาได้ตั้งแต่รอยสิว หลุมสิว ร่องลึก ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น แต่หลังจากเลเซอร์ต้องดูแลผิวไม่ให้โดนแสงแดดราว 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันผิวไม่ให้ไหม้จากความร้อน
- ทายาลดรอยสิว เป็นวิธีรักษารอยสิวเบื้องต้นที่ได้ผลดีและสะดวก เหมาะกับคนที่ต้องการดูแลผิวเป็นสิวในระยะยาว เพราะในปัจจุบันยาลดรอยสิวมีหลายรูปแบบ ที่เราเห็นบ่อยๆ คือ ครีมลดรอยสิว, เจลลดรอยสิว ที่ใช้แต้มเป็นจุดๆ ที่เกิดรอย และเซรั่มลดรอยสิวที่สามารถใช้ได้ทั่วใบหน้า ช่วยเรื่องการลดรอยสิว รักษาสิวได้ไปพร้อมกันเพื่อจัดการปัญหาตั้งแต่ต้นตอ เพื่อป้องกันการเป็นรอยสิวในอนาคต และเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้อีกด้วย อาจใช้เวลาที่เพิ่มขึ้นแต่มั่นใจได้ว่าระหว่างนั้นผิวเราได้รับการบำรุงซ่อมแซมตลอดเวลา
แนะนำเซรั่มลดรอยสิว Eucerin Pro Acne Solution
Anti-Acne Mark Triple Effect Serum
เรื่องสิว ไม่เคยเป็นเรื่องจิ๋วของใคร เพราะมันมักทิ้งรอยดำ รอยแดงสิวเอาไว้ วันนี้เราจึงมีหนึ่งไอเทมที่ช่วยจัดการรอยสิวตัวเด็ดมาแนะนำ ซึ่งก็คือ เซรั่มลดรอยสิวจากยูเซอริน Eucerin Pro Acne Solution Anti-Acne Mark Triple Effect Serum ที่คุณสมบัติเด่นของเค้า คือ ช่วยลดรอยสิว และสามารถรักษาสิวไปได้พร้อมๆ กัน เป็นเซรั่มที่เหมาะสำหรับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ แก้ปัญหาได้ทั้งรอยแดง กระทั่งรอยดำฝังลึกรักษายาก ทั้งยังช่วยลดการอักเสบ ลดสิวอุดตัน เพื่อไม่ให้พัฒนาเป็นรอยสิวในอนาคต และลดความมันบนใบหน้าด้วยนะ ซึ่งผลลัพธ์การรักษาสิวของเค้านั้นบอกว่าภายใน 14 วัน* จะทำให้รอยสิวจางลงและเผยผิวหน้าขาวกระจ่างใสขึ้นได้ (92% ของผู้ใช้ยืนยันว่ารอยสิวลดเลือนลงใน 2 สัปดาห์) ก่อนที่จะไปรีวิวทดสอบกัน เราไปดูส่วนประกอบสำคัญที่สูตรนี้ช่วยแก้ไขรอยสิว เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ลดรอยสิวของทุกคนกันค่า
ส่วนประกอบสำคัญของเซรั่มลดรอยสิว
- ไทอามิดอล (Thiamidol) สารลดรอยสิทธิบัตรเฉพาะในยูเซอริน ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีใต้ชั้นผิว ลดการเกิดรอยดำจากต้นตอ
- ลิโคชาลโคล (Licochalcone) ลดการอักเสบ ลดรอยแดง และป้องกันการเกิดรอยดำหลังเป็นสิว
- กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) สารจากธรรมชาติ มีคุณสมบัติช่วยลดการอุดตันบริเวณใต้ชั้นผิว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว
- Decanediol ลดการสะสมของแบคทีเรีย (P.Acne) ตัวการที่ทำให้เกิดสิว
- Sebum Regulation เทคโนโลยีที่ช่วยลดความมัน ลดโอกาสอุดตัน
รีวิวเซรั่มลดรอยสิวสำหรับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ
ถ้าอยากรู้ว่าเซรั่มลดรอยสิวจากยูเซอรินตัวนี้จะดีแค่ไหน? และรอยสิวจะลดเลือนลงภายใน 14 วันจริงหรือเปล่า? ตามไปดูรีวิวพร้อมทดสอบคุณสมบัติแต่ละด้านของเค้ากันเลยค่ะ
- บรรจุภัณฑ์
เซรั่มลดรอยสิวมาในแพ็คเกจแบบขวดปริมาณ 40 ml มีหัวปั๊มให้กดใช้งานง่าย ในครั้งแรกต้องกดประมาณ 3-4 ครั้งเพื่อไล่อากาศออกก่อน ดีตรงที่กดง่าย เก็บง่ายเพราะมีฝาปิด และสามารถใช้เนื้อเซรั่มได้ตามปริมาณที่ต้องการ
- เนื้อผลิตภัณฑ์และกลิ่น
เนื้อเซรั่มสีเหลืองนวล มีความเข้มข้นแต่บางเบา แต่เมื่อทาบนผิวกลับซึมซาบง่าย ไม่เหนียวเลย คงไว้เป็นความชุ่มชื้นติดผิว
- ทดสอบความชุ่มชื้น
ใครที่กังวลว่าเซรั่มลดรอยสิวจะทำให้หน้าเราแห้งกว่าเดิมหรือไม่ชุ่มชื้นไหม มาดูการทดสอบกันเลยค่ะ สังเกตจากจอว่าก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ ค่าความชุ่มชื้น = 30%, น้ำมัน = 44% ส่วนหลังใช้ ค่าความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น = 79%, น้ำมันลดลง = 25% แม้จะควบคุมความมัน แต่ก็ไม่ทำให้ผิวแห้ง เหมาะกับทุกสภาพผิว และดีต่อใจชาวผิวมันแต่ขาดน้ำไปอีก
- ทดสอบค่าความเป็นกรด-เบส
ผลการทดสอบกรด-เบสที่ได้ = 4.5 เป็นกรด และมีความใกล้เคียงกับค่า pH บนผิวปกติของเรา = 5.5 ด้วยความที่เค้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูแลเรื่องสิว หากมีค่าเป็นกรดไม่ต้องตกใจนะคะ เพราะส่วนผสมซาลิไซลิก แอซิดนั้นเป็นกรดที่มาจากธรรมชาติ ช่วยเรื่องสิวเสี้ยน สิวอุดตัน ลดริ้วรอย และผลัดเซลล์ผิวเก่าอย่างอ่อนโยน ใช้แล้วไม่แสบผิว ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองตามมาภายหลัง อีกทั้งผลิตภัณฑ์นี้ยังเป็น Dermatological Skincare สกินแคร์ที่ผ่านการทดสอบโดยตรงจากแพทย์ผิวหนังว่า ไม่ทำให้ระคายเคืองและทำให้แพ้ ผิวบอบบางแพ้ง่ายมั่นใจได้
- ก่อนใช้-หลังใช้ผลิตภัณฑ์ 1 วัน/7 วัน/14 วัน
เราได้ทาเซรั่มทั่วใบหน้า 2-3 ปั๊ม (แล้วแต่ใบหน้าแต่ละคน) โดยทำตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ คือ ใช้ทั้งเช้า-เย็น ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ
วันที่ 1: วันแรกเห็นได้ว่าผิวหน้ามักมีรอยสิวชนิดอักเสบนูนแดง และรอยดำจากสิวบริเวณแก้มอย่างเห็นได้ชัด มีบนหน้าผากอยู่ประปราย รวมถึงผิวแห้งลอกที่เกิดจากสิวและอาการแพ้ หลังใช้ 1 วันรอยสิวยังไม่ค่อยจางลง แต่ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น ไม่ลอกเหมือนตอนก่อนใช้
วันที่ 7: บริเวณผิวที่แห้งเริ่มชุ่มชื้นขึ้น รอยสิวที่เห็นได้ชัดตรงแก้มและคางเริ่มแห้ง จางลง ไม่ได้อักเสบเหมือนวันแรก โดยเฉพาะจุดที่รอยสิวไม่ลึกมาก ผิวค่อยๆ ปรับสภาพเรียบเนียนขึ้น สิวผดและสิวทั่วไปขึ้นน้อยลงกว่าเดิม คุมมันได้ดีในระดับนึงเลย
วันที่ 14: ผิวไม่ค่อยแห้ง เป็นขุยเหมือนเดิมแล้วค่ะ สิวหนอง สิวอักเสบบริเวณคาง แก้ม และหน้าผากลดลง รอยสิวจางลงไปมากจนแทบไม่เห็นแล้ว จากตอนแรกเป็นแดงๆ เห็นรอยชัด (แอบแต่งหน้ายาก) ตอนนี้รอยจางลงค่อนข้างเยอะ รอยแดงไม่มีแล้ว ส่วนรอยดำยังพอมีอยู่บ้างเล็กน้อย หน้าสดก็รอด ส่วนสิวเกิดใหม่แทบไม่มีเลยค่ะ เค้าเอาอยู่เรื่องสิวจริงๆ
ความรู้สึกหลังใช้
รู้สึกชอบค่ะ ตัวนี้ไม่ค่อยทำให้ผิวแห้ง ส่วนตัวผิวแพ้ง่าย-มันแต่ขาดน้ำ ทำให้มีความแห้งเป็นโซนๆ จึงไม่ค่อยถูกกับยารักษาสิว หรือครีมแต้มสิวเท่าไหร่ แต่พอลองได้ใช้เซรั่มลดรอยสิวตัวนี้ไม่เพียงที่ทำให้สิวกับรอยสิวดูจางลง แต่ไปช่วยปรับความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าของเราด้วย ทาเซรั่มนี้ตัวเดียวก็อยู่ ไม่ต้องลงครีมที่ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นตาม ตอนแรกแอบกลัวว่าเนื้อเซรั่มเค้าจะข้นเหนียวเกินไป แต่พอผ่านไป 3-5 นาที ตัวเซรั่มก็ซึมซาบแมทช์ไปกับผิวแบบเนียนๆ โดยไม่เป็นคราบเลย
ประทับใจตรงที่ผิวเราดีขึ้นเรื่อยๆ 14 วัน รอยสิวเค้าจางลงตามคำเคลมจริง ส่วนในเรื่องของช่วยลดสิวนั้นทำได้ดีเกินคาด เพราะช่วยให้สิวลดลงจริง และสิวใหม่ๆ แทบไม่ขึ้นมาเลยค่ะ มาเจอตัวนี้แล้วตอบโจทย์ไม่ต้องซื้อครีมแต้มสิวมาทาเพิ่มเติม สำหรับเราคิดว่าเค้าเป็น 3 in 1 เลย รักษาสิว ลดรอยสิว ปรับความชุ่มชื้นของผิวไปในตัวจากตรงแก้มเราที่มีสิวนูนแดงอักเสบ รอยดำจากสิวต่างๆ ลดลงแบบเห็นได้ชัดมากค่ะ อยากลองใช้ต่อไปเรื่อยๆ ช่วยเรื่องสิวได้ครบแบบนี้ ผิวแพ้ง่ายอย่างเราถูกใจมาก
สรุปรีวิวและให้คะแนน
จบกันไปแล้วกับรีวิวท้าพิสูจน์เซรั่มลดรอยสิวหลังใช้ 14 วัน บอกเลยว่าเป็น Mush Have ไอเทมที่เหมาะสำหรับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ ใครที่มีปัญหาสิวและรอยสิวอยู่บ่อยๆ อยากดูแลผิวพร้อมรักษาสิวไปด้วยพร้อมๆ กัน แนะนำเลยค่ะ เซรั่มลดรอยสิวยูเซอริน Eucerin Pro Acne Solution Anti-Acne Mark Triple Effect Serum (ปริมาณ 40 ml ราคา 1,200 บาท) หาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ร้าน Watsons, Boots, Eveandboy และร้านขายยาทั่วไป หรือ ช่องทางออนไลน์ที่ www.Eucerin.co.th และ Eucerin Official Store ใน Shopee และ Lazada ค่ะ
Beauty & Lifestyle Content Editor / Bibliophile / Food Lovers นักสะสมก้อนเมฆ ท้องฟ้า ดอกไม้ และการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับ Art & Culture อาหารการกิน ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ธรรมชาติ สกินแคร์ และเครื่องสำอาง ชอบชีวิตที่เงียบสงบ แต่ออกไปเวิร์คช็อปบ้างเป็นครั้งคราว