สวัสดีค่ะทุกๆ คน ช่วงนี้ก็เข้าหน้าร้อนแล้ว อีกปัญหาหนึ่งที่ตามมาในช่วงนี้ก็คือค่าไฟขึ้นนั่นเอง จะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ไหนจะค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน หรือแม้กระทั่งค่าชอปปิ้ง หรือถ้าจะอยู่ในบ้านก็ต้องเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้ามากมาย ทั้งแอร์ พัดลม หรือ ไฟ หลังจากนั้นปัญหาค่าไฟก็จะตามมาให้ปวดหัวทีหลังแน่ๆ ถ้าอย่างนั้นวันนี้พี่อะเครุมีทริคประหยัดค่าไฟ ตามฉบับคนญี่ปุ่น มาแชร์ ไม่ว่าจะช่วงฤดูร้อนหรือฤดูไหนก็สามารถเซฟเงินในกระเป๋าได้สบายๆ เลย
สารบัญ
- 1. ประหยัดไฟง่ายๆ ด้วยการไม่เปิด-ปิดแอร์บ่อยๆ
- 2. เปิดแอร์โหมดลดความชื้น (Dry) ช่วยประหยัดค่าไฟได้
- 3. เปิดแอร์คู่กับพัดลม
- 4. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งาน
- 5. ใช้ม่านไม้ไผ่บังแดดในห้อง
- 6. ไม่กดอุ่นหม้อหุงข้าวไว้ตลอด
- 7. เคลียร์สิ่งที่ไม่ใช้ ตัดสิ่งที่ไม่โอ ออกจากตู้เย็น
- 8. เช็กโลเคชั่นของตู้เย็น
- 9. หันมาใช้หลอดไฟ LED
- 10. ซักผ้าหรือรีดผ้าครั้งละเยอะๆ
1. ประหยัดไฟง่ายๆ ด้วยการไม่เปิด-ปิดแอร์บ่อยๆ
เครื่องปรับอากาศหรือแอร์ถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานเยอะมากๆ และกินไฟ จึงทำให้การใช้งานแต่ละครั้งอาจทำให้ค่าไฟสูงขึ้นโดยเฉพาะช่วงเวลาเปิด ในการเปิดแอร์แต่ละครั้ง แอร์จะใช้พลังงานสูงมากในการที่จะทำงาน เพราะฉะนั้น ถ้าหากเราต้องการจะเปิดแอร์ในแต่ละครั้ง อย่าเปิดแค่เพียงไม่กี่นาทีหรือไม่กี่ชั่วโมงแล้วปิดเพื่อประหยัดไฟและทำการเปิดใหม่เมื่อร้อน ถ้าหากทำเช่นนั้นจะทำให้ค่าไฟพุ่งสูงปรี๊ดเลยค่ะ
2. เปิดแอร์โหมดลดความชื้น (Dry) ช่วยประหยัดค่าไฟได้
หลายๆ คนอาจจะสงสัยใสว่า แล้วถ้าเราต้องการจะเปิดแอร์จริงๆ เมื่อเปิดหลายชั่วโมงก็กินไฟและสามารถทำให้ค่าไฟขึ้นได้เหมือนกัน แล้วเรามีวิธีที่สามารถประหยัดค่าไฟและไม่ทนร้อนไหม การเปิดแอร์โหมดลดความชื้นหรือโหมด Dry ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยประหยัดค่าไฟได้ แต่เมื่อเปิดโหมดนี้แล้วจะทำให้ความเย็นในห้องไม่เย็นเท่าปกติเนื่องจากโหมดนี้ใช้พลังงานต่ำในการทำงาน
3. เปิดแอร์คู่กับพัดลม
อยากบอกว่านี่อาจไม่ใช่เทรนด์แต่เป็นวิธีประหยัดค่าไฟที่ไม่ต้องทนร้อนอีกต่อไปค่ะ เห็นหลายๆ คนในโซเชียล มีเดียทำแล้วค่าไฟลดลงและมีคนทำตามมากมายและแชร์ต่อๆ กันตั้งแต่ช่วง 3 ปีที่แล้ว การเปิดแอร์คู่กับพัดลมหลายๆ คนอาจคิดว่าเปิดทั้งสองอย่างจะทำให้ค่าไฟขึ้นไหม ค่าไฟไม่ขึ้นแน่นอนค่ะถ้าเราทำตามนี้ โดยเปิดแอร์ 28 องศา พร้อมกับเปิดพัดลมเบอร์ 1 ทำให้เราได้ความเย็นสบายกำลังพอดีและไม่ทำให้ค่าไฟขึ้นเนื่องจากแอร์ไม่ได้ใช้พลังงานเยอะเพราะว่าเราไม่ได้ลดอุณหภูมิแอร์ลงนั่นเอง
4. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งาน
วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายมากๆ และเซฟค่าไฟได้ดีสุดๆ แต่ทุกคนอาจจะลืมทำกัน คือการถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งาน หลายบ้านอาจจะมีปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น พัดลม เครื่องฟอกอากาศ โคมไฟ ฯลฯ ที่เสียบไว้กลับปลั๊กพ่วง เมื่อเราไม่ใช่งานหรือไปข้างนอกก็ทำการปิดสวิตช์ปลั๊กพ่วงนั้น แต่การทำแบบนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละอันหรือปลั๊กพ่วงที่เสียบอยู่ยังคงทำงาน ทางที่ดีควรถอดปลั๊กของปลั๊กพ่วงหรือถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละอันจะสามารถประหยัดไฟได้และยังไม่เป็นอันตรายถ้าหากเกิดกรณีไฟฟ้าลัดวงจร
5. ใช้ม่านไม้ไผ่บังแดดในห้อง
หลายคนคงชอบที่ห้องของเรามีแดดทะลุเข้ามา ทำให้มีไอแดดอุ่นๆ แสงสีส้มแบบรำไร ถ่ายรูปแล้วดูสวยดีใช่ไหมคะ การที่ห้องมีแสงแดดเข้าถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะช่วยทำให้ห้องมีความสว่างและลดการเปิดไฟ แต่อาจจะไม่ดีกับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้อง เพราะเมื่อมีแดดเข้ามาและมีการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า จะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานหนักขึ้นเนื่องจากอุณหภูมิที่ร้อนขึ้น ยิ่งถ้าแดดประเทศไทยไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ ดังนั้นถ้าหากเรามีม่านไม้ไผ่ช่วยบังแดดตรงหน้าต่างจะดีมาก เพราะว่าม่านไม้ไผ่ไม่ทำให้ห้องมืดทึบและแดดยังทะลุผ่านได้บางส่วน
6. ไม่กดอุ่นหม้อหุงข้าวไว้ตลอด
ใครที่ชอบกดอุ่นหรือเสียบปลั๊กหม้อหุงข้าวไว้ตลอดเพื่อให้ข้าวอุ่นหรือกลัวข้าวบูดอาจจะต้องลองเปลี่ยนวิธีดูแล้ว เพราะว่าการเสียบปลั๊กหม้อหุงข้าวไว้ให้หม้อหุงข้าวทำงานตลอดเวลานั้นถือว่าเป็นการกินไฟมาก การกดอุ่นหมอหุงข้าวในแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายถึงครั้งละ 1 บาท เลยทีเดียว แนะนำว่าให้กดอุ่นก่อนที่จะรับประทานน่าจะช่วยประหยัดค่าไฟได้เยอะ ถ้าหากกดอุ่นข้าวบ่อยๆ จะทำให้ข้าวแห้งและแข็งไม่อร่อยน้าาา
7. เคลียร์สิ่งที่ไม่ใช้ ตัดสิ่งที่ไม่โอ ออกจากตู้เย็น
ไม่น่าเชื่อว่าการมีของอัดแน่นในตู้เย็นก็สามารถทำให้ค่าไฟขึ้นได้เหมือนกัน เพราะว่าเมื่อมีของหรือวัตถุดิบต่างๆ แน่นเต็มตู้เย็นนอกจากจะทำให้เราไม่มีที่ใส่ของแล้ว ยังทำให้ตู้เย็นปล่อยความเย็นไม่ทั่วถึง เมื่อความเย็นไม่ทั่วตู้เย็นจึงทำงานหนักขึ้น ทางที่ดีเราควรเช็กอายุของวัตถุดิบต่างๆ ว่าหมดอายุวันไหน เมื่อหมดอายุแล้วรีบเคลียร์ออกทันที รวมถึงเช็กวัตถุดิบอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นต้องแช่เย็น เพื่อให้ตู้เย็นมีพื้นที่ว่างให้ปล่อยความเย็นได้ทั่วถึงและไม่ต้องทำงานหนัก แถมยังประหยัดค่าไฟได้ถึง 26 บาท ต่อเดือน
8. เช็กโลเคชั่นของตู้เย็น
เรื่องการวางตู้เย็นในบ้านก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน ส่วนใหญ่เราก็มักจะวางในที่ที่มีช่องพอดีกับขนาดตู้เย็น ชิดผนังหน่อยเพื่อความไม่เกะกะใช่ไหมคะ แต่การวางตู้เย็นชิดผนังหรือใกล้ผนังมากๆ ทำให้ตู้เย็นร้อนและทำงานหนักได้ ดังนั้นถ้าหากบ้านที่มีพื้นที่จำกัดลองถอยตู้เย็นออกห่างจากผนังสัก 10 เซนติเมตร จะช่วยให้หลังตู้เย็นระบายความร้อนได้ดีและไม่ทำงานหนัก เซฟค่าไฟได้ถึง 28 บาท ต่อเดือน
9. หันมาใช้หลอดไฟ LED
เรื่องการเลือกหลอดไฟก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ที่มีส่วนช่วยประหยัดไฟ ในเมื่อก่อนเราจะใช้หลอดไส้กันเพราะว่ามีความสว่างมาก แต่เมื่อสว่างมากแล้วก็กินไฟมากเช่นกัน หลังจากนั้นเปลี่ยนจากหลอดไส้มาเป็นหลอดตะเกียบที่ช่วยประหยัดค่าไฟได้เยอะแต่ความสว่างอาจไม่เพียงพอเท่าไหร่และอาจจะไม่เหมาะกับคนที่ Work From Home ในยุคปัจจุบันเราจึงเปลี่ยนมาใช้หลอด LED มากขึ้น เนื่องจากมีราคาที่ถูก ประหยัดไฟได้จริง และสว่างมาก เมื่อใช้งานนานๆ หลอดไม่ร้อนแถมยังใช้งานได้ 50,000 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ลงทุนเพียงน้อยนิดแต่ได้ผลตอบแทนที่คุ้มมากๆ ทั้งใช้ได้นานและประหยัดค่าไฟ
10. ซักผ้าหรือรีดผ้าครั้งละเยอะๆ
เตารีดและเครื่องซักผ้าเป็นอีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานเยอะมากๆ แต่การซักผ้าหรือรีดผ้าแต่ละครั้งหลายคนชอบคงไม่ชอบการมีผ้าเป็นกองแน่ๆ แต่การแบ่งรีดหรือซักครั้งละน้อยๆ ทำให้เตารีดและเครื่องซักผ้าใช้พลังงานไม่คุ้มเพราะว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟในแต่ละครั้ง เพราะฉะนั้นถ้าต้องการจะซักหรือรีดผ้าแนะนำว่าควรทำครั้งละเยอะๆ อาจจะอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง เพื่อการใช้งานเครื่องซักผ้าและเตารีดให้น้อยที่สุด
ทริคประหยัดไฟง่ายๆ แถมเซฟค่าไฟให้สบายกระเป๋าแบบนี้ ไม่ทำตามไม่ได้แล้วนะ นอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟแล้วยังช่วยโลกในระยะยาวอีกด้วย สุดท้ายนี้หากบ้านใครมีเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่สามารถปรับเป็นโหมดประหยัดพลังงานได้ สามารถลองใช้ได้ เพื่อการประหยัดค่าไฟกับทุกๆ เครื่องใช้ไฟฟ้า
Tripple B because it's unique. Enjoy watching sunset, dive into the world of art and let my soul sink into music.