ในปัจจุบันสิ่งต่างๆ รอบตัวได้พัฒนาการขึ้นมามากกว่าแต่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ รถยนต์ รวมไปถึงอุปกรณ์เสริมสวยอย่างเช่น ยายอมผม เครื่องสำอาง และน้ำยาทาเล็บ ที่ช่วยให้คุณมีชีวิตที่สะดวกสบายและดูดีขึ้นได้ไม่ยากเลยล่ะ
source: www.productshut.com
เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็รองรับความสะดวกสบายของมนุษย์ไปซะทุกอย่าง น้ำยาทาเล็บก็เช่นกัน การทาเล็บแบบเจล (gel nails) ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้คุณได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะการใช้น้ำยาทาเล็บ แบบธรรมดาจะแห้งช้า สีไม่ค่อยทนทาน และไม่เงางามเท่าการทาเล็บแบบเจล ถึงแม้ว่ามันจะทำให้คุณดูมีระดับมากขึ้น แต่การทำเล็บแบบเจลก็มีข้อเสียที่คุณคาดไม่ถึงเช่นกัน
ทาเล็บแบบเจล (gel nails) ดีชัวร์หรือมั่วนิ่ม?
การทาเล็บแบบเจลอาจดูน่ามหัศจรรย์ แต่ทาง American Academy of Dermatology ยืนยันว่าสิ่งนี้จะทำให้เล็บของคุณอ่อนแอ ผิวที่อยู่บริเวณรอบๆ ระคายเคือง รวมไปถึงการเกิดโรคมะเร็ง!!
source: mommygreenest
- โดยปกติแล้วการทาเล็บแบบเจลจะใช้วิธีการอบสีด้วยแสง UV จึงสามารถนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็ง
- อะซิโตน (Acetone) หรือน้ำยาที่เอาไว้ล้างเล็บเจลจะทำให้ผิวหนังบริเวณรอบๆ เกิดการระคายเคือง ส่งผลให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ
- การทาเล็บแบบเจลเป็นสาเหตุที่ทำให้เล็บของคุณอ่อนแอ เปราะบาง และหน้าเล็บบาง
- หากทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะทำให้เล็บของคุณเกิดปัญหา อย่างเช่น การติดเชื้อ
ทาเล็บแบบเจลอย่างไรให้ปลอดภัย
แน่นอนค่ะว่าผู้หญิง (เกือบ) ทุกคนก็รักสวยรักงามด้วยกันทั้งนั้น เราไม่สามารถห้ามทุกคนให้เลิกการทาเล็บแบบเจลได้ เพราะฉะนั้นวิธีการที่เรากำลังจะบอกต่อไปนี้จะช่วยให้สาวๆ ทุกคนสามารถทำเล็บเจลได้อย่างปลอดภัย
- ทาครีมกันแดดก่อนทำเล็บ หรือใช้ถุงมือกัน UV (ที่เอาไว้ใส่กันแดดขณะขับรถ) ถ้าหาซื้อไม่ได้ก็ให้ใช้ถุงมือกัน UV แล้วตัดปลายนิ้วมือออก
source: amazon
- หยุดพักการทำเล็บแบบเจลเพื่อให้เล็บได้พักผ่อนอย่างน้อย 3 เดือน แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบทาเล็บตลอดเวลาก็ให้ใช้วิธีการทาสีเล็บแบบธรรมดาแทน
- หมั่นทาครีมบำรุงเล็บอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เล็บของคุณได้รับความชุ่มชื้น
- ตรวจสอบเล็บของคุณว่าไม่มีสิ่งผิวปกติก่อนที่จะทาเล็บแบบเจลครั้งใหม่
วิธีการล้างเล็บแบบเจลด้วยตนเอง
อุปกรณ์
- สำลีก้อน
- อะซิโตน (Acetone)
- ตะไบ
- กระดาษฟอยล์
source: tiphero
เมื่อเตรียมอุปกรณ์พร้อม ก็ลงมือล้างเล็บเจลด้วยตนเองกันได้เลย..
- ฉีกสำลีเป็น 10 ชิ้นเล็กๆ
- จุ่มสำลีแต่ละชิ้นลงไปในอะซิโตน
- แปะไว้ด้านบนเล็บทั้ง 10 นิ้ว
- ใช้กระดาษฟอยล์ห่อไปรอบๆ เล็บให้ครบทุกนิ้ว
- ทิ้งไว้ประมาณ 5 – 10 นาที
- ใช้ตะไบแกะหน้าเล็บออก โดยเว้นช่องว่างให้ห่างจากผิวหนัง เพื่อป้องกันการเป็นแผล
- เช็ดออกครั้งสุดท้ายด้วยอะซิโตน
วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการล้างเล็บแบบเจลออกโดยที่ยังทำให้เล็บของคุณมีสุขภาพที่ดี
วิธีการบำรุงเล็บให้กลับมามีสุขภาพดี
source: deavita.com
มันไม่ง่ายที่เราจะสามารถบำรุงเล็บให้เติบโตและแข็งแรงได้ นอกจากคุณจะสามารถการป้องกันการทาเล็บให้ปลอดภัยแล้ว คุณก็ควรได้รับการบำรุงเล็บจากธรรมชาติเพื่อให้สุขภาพเล็บของคุณดียิ่งขึ้น
■ บำรุงเล็บด้วยน้ำมันมะกอก
ดูแลเล็บด้วยน้ำมันมะกอกสามารถช่วยซ่อมแซมเล็บที่เปราะบาง ฉีกขาดง่าย ให้กลับมาแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี
source: praxisvita
- เตรียมน้ำอุ่นในปริมาณพอเหมาะที่เล็บของคุณจะแช่ลงไปได้
- เทน้ำมันมะกอกลงไป 1 ช้อนโต๊ะ
- แช่มือลงไปในน้ำและนวดเบาๆ เป็นเวลา 5 – 10 นาที
- ทำเช่นนี้ทุกวัน หรือ ทุกๆ 2 – 3 วัน เพื่อให้เล็บของคุณแข็งแรงดังเดิม
■ บำรุงเล็บด้วยมะนาว
วิตามินซีจากมะนาวจะช่วยให้เล็บที่เหลืองกลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง
source: goldenegedanken
- นำน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
- ทำให้มันอุ่นเล็กน้อย และแช่เล็บทุกวันวันละ 10 นาที
- สำหรับเล็บที่เปราะบางให้แยกเพื่อนวดเล็บนั้นเบาๆ ด้วยน้ำมะนาวสดเป็นเวลา 5 นาที
- หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำมะนาวอุ่น ทิ้งไว้ให้แห้ง และทาเล็บด้วยน้ำมันมะกอก หรือน้ำมันมะพร้าว
source: bunte
■ รับประทานอาหารที่มีไบโอติน
ไบโอตินเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเล็บ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการปรับปรุงโครงสร้างของเคราติน (**เคราติน คือ เส้นใยผิวหนังที่อยู่บริเวณชั้นหนังกำพร้า มักพบที่ผิวหนัง ขน และเล็บ**) การขาดไบโอตินบ่อยๆ จะทำให้เล็บเจริญเติบโตช้า อ่อนแอ และเปราะบาง
ไบโอตินสามารถพบได้ในอาหารจากธรรมชาติหลายอย่าง อย่างเช่น ปลาแซลมอน แครอท มะเขือเทศ แตงกวา กะหล่ำ สตรอว์เบอร์รี ถั่วอัลมอนด์ ถั่วลิสง และข้าวโอ๊ต
ถ้ารักการทำเล็บไม่ว่าจะเป็นการทำเล็บแบบธรรมดาหรือการทำเล็บแบบเจล ก็ต้องหมั่นบำรุงเล็บกันเยอะๆ กันด้วยนะ 🙂
หลงใหลในความเป็นญี่ปุ่น~ ชอบเล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ ยินดีที่ได้รู้จักนะ : )