หลังจากออกกำลังกายจนใคร ๆ นึกว่าอาบน้ำมานั้นโอกาสที่ร่างกายจะส่งกลิ่นให้ผู้คนได้รับรู้และไม่อยากเข้าใกล้ ที่จะทำให้เรารอดพ้นจากสถานการณ์นี้ได้ก็คือการอาบน้ำหรือทาโรลออนเพื่อดับกลิ่น แต่ถ้าเป็นกลิ่นที่เกิดขึ้นจากกรณีอื่นมันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะกลิ่นในแต่ละส่วนของร่างกายที่สามารถบอกสภาพภายในร่างกายได้ เพราะความจริงแล้วโรคบางชนิดสามารถผลิตกลิ่นเฉพาะซึ่งมีกลิ่นที่แตกต่างกันออกไป เมื่อไม่นานมานี้ประเทศสวีเดนได้มีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง และนี่เป็น 5 กลิ่นที่เกิดขึ้นในส่วนต่างๆ ของร่างกายที่อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ อย่ารอช้า รีบ take note ไว้ด่วน!!!
Ulzzang
1. ลมหายใจกลิ่นเหมือนผลไม้ อาจเป็นสัญญาณของโรคเบาหวาน
หากลมหายใจมีกลิ่นหวานเหมือนผลไม้ อย่าเพิ่งดีใจไปว่าลมหายใจชั้นหอม!!! เพราะนั่นอาจหมายถึงสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน ที่เรียกว่า Diabetic Ketoacidosis (DKA) หรือภาวะเลือดเป็นกรดจากคีโตนจากเบาหวาน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อระดับอินซูลินในร่างกายต่ำลงและระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว DKA เป็นภาวะแทรกซ้อนที่มีอันตรายถึงชีวิตซึ่งพบได้ในผู้ป่วยเบาหวาน ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 แต่ก็อาจพบในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ในบางสถานการณ์
Robert Gabbay หัวหน้าศูนย์ Joslin diabetes center (ศูนย์สุขภาพเกี่ยวกับโรคเบาหวาน) ในบอสตัน กล่าวว่า ร่างกายของคนเราจะสร้างพลังงานและทำหน้าที่ของมันอย่างเหมาะสม ดังนั้นหากมีการเปลี่ยนแปลงกรดไขมันที่เป็นตัวกระตุ้น ทำให้เกิดสารเคมีซึ่งเป็นกรดที่เรียกว่า Ketones ในเลือด และหนึ่งในกรดที่มีความสำคัญ อย่าง Acetone (ส่วนประกอบเดียวกับสารที่พบในน้ำยาล้างเล็บ) หาก Ketones และ Acetone ไม่บาลานซ์ก็จะทำให้ลมหายใจมีกลิ่น
เราอาจจะไม่สังเกตว่าลมหายใจมีกลิ่นจนมีคนทัก แต่หมอสามารถได้กลิ่นทันทีที่คุณเดินเข้ามาในห้อง และผลกระทบของ DKA สามารถรุนแรงขึ้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ภาวะของกรดเกินทำให้อาเจียนและปัสสาวะบ่อย นั่นเพราะร่ายกายสูญเสียของเหลวในระดับที่อันตราย ภาวะของ DKA โดยทั่วไปแล้วจะเหมือนกับคนที่อิดโรยมากๆ มองอะไรเบลอๆ แถมยังน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อย่าไว้วางใจกับอาการเหล่านี้ เพราะมันอาจทำให้การวินิจฉัยโรคและการรักษาเป็นไปได้ช้า ดังนั้นหากสังเกตว่า มีลมหายใจมีกลิ่นเหมือนผลไม้รวมถึงมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วยแล้วละก็ เช่น อิดโรย ปากแห้ง หายใจไม่สะดวก เจ็บช่องท้อง ควรรีบไปพบแพทย์เป็นการด่วน American diabetes association กล่าวว่า หลังจากไปให้หมอตรวจเลือดเพื่อหาคีโตนแล้ว แพทย์จะให้ยาที่ทดแทนของเหลวที่สูญเสียไปและทำให้ระบบกลับมาเป็นปกติด้วยการรักษาด้วยอินซูลิน
weheartit
2.เท้ามีกลิ่นตุ ๆ สัญญาณของโรคน้ำกัดเท้า
ถ้าสังเกตว่าคนข้างๆ เริ่มถอยห่างเวลาคุณถอดรองเท้า แถมผิวแห้ง ผิวตกสะเก็ดบริเวณนิ้วเท้า แล้วยังมีแผลผุผองอีก นั่นแสดงว่าคุณอาจเป็นโรคน้ำกัดเท้าหรือฮ่องกงฟุตแล้วล่ะ American Podiatric medical association บอกถึงสาเหตุของเท้าที่ส่งกลิ่นน่ารังเกียจออกมา เพราะการรวมตัวกันของแบคทีเรียและเชื้อรากัดเซาะเข้าไปในผิวและซอกนิ้ว คุณหมอ Cameron Rokhsar ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนังโรงพยาบาลในนิวยอร์ก บอกว่า หากเราเกาเท้าที่เป็นเชื้อราแล้วไปสัมผัสส่วนอื่นของร่างกาย นั่นเป็นการนำเชื้อราไปแพร่ส่วนอื่น อย่างเช่น บริเวณขาหนีบหรือรักแร้ ซึ่งอาจทำให้กลิ่นธรรมชาติของบริเวณนั้นเปลี่ยนได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นหากเราเพิกเฉยกับโรคนี้ ผิวบริเวณนั้นจะนิ่มและชื้นขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแบคทีเรียชั้นดี และอาจพัฒนาโรคซับซ้อนขึ้น อย่าง เซลล์เนื้อเยื้ออักเสบซึ่งเกิดจากการติดเชื้อของผิวหนังและเนื้อเยื้ออย่างเฉียบพลัน
ดังนั้นหากใครคิดว่าตัวเองกำลังจะเป็นโรคนี้ ป้องกันด้วยสเปรย์ต่อต้านเชื้อรา อย่าง Lotrimin หรือ Tinactin ถ้าใช้มาประมาณ 2 สัปดาห์แล้วยังไม่หาย ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ คุณหมอจะสั่งยาให้ตรงกับอาการ เนื่องจากโรคน้ำกัดเท้าเป็นหนึ่งในโรคผิวหนังที่น่ารังเกียจ สำหรับคนที่รักษาสุขภาพแต่ไม่อยากเสียบุคลิกภาพ ควรป้องกันตัวเองด้วยการใส่รองเท้าไว้ในล็อกเกอร์ เพราะเชื้อราจะเจริญเติบโตได้ดีในที่อับชื้น และควรใช้แป้งฝุ่นทาเท้าเพื่อทำให้เท้าแห้งตลอดเวลา
3. อุจจาระเหม็น สื่อถึงโรคแพ้นม หรือภาวะที่ร่างกายไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสซึ่งมาจากอาหารประเภทนม
เมื่อลำไส้เล็กของคุณผลิตเอนไซม์ที่เรียกว่า Lactase ไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถย่อยแลคโตสซึ่งเป็นน้ำตาลที่พบในผลิตภัณฑ์ที่ใช้บริโภคในแต่ละวัน Ryan Urgaro ผู้เชี่ยวด้านทางเดินอาหาร ว่าด้วยกระเพราะอาหารและลำไส้ โรงพยาบาล Mount Sinai นิวยอร์ก ได้บอกถึงสาเหตุของโรค ดังนั้นลำไส้เล็กจะส่งแลคโตสไปที่ลำไส้ใหญ่แทนที่จะส่งไปยังกระแสเลือด ที่ซึ่งลำไส้ของเราก็จะมีแบคทีเรียหมักหมมอยู่ เป็นสาเหตุให้อุจจาระมีกลิ่นเหม็น ท้องอืด และผายลมมีกลิ่นสุดสะพรึง คุณหมอ Urgaro เพิ่มเติมว่า การแพ้แลคโตสเป็นอาการปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ทั่วไป ความจริงแล้ว 65% ของคนที่มีปัญหาในการย่อยผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับนม ซึ่งรวมถึงอาการเป็นตะคริว ปวดท้องมาก ๆ คลื่นไส้ อาเจียน ผายลม เรอ และอุจจาระเหม็น แต่ละคนอาจจะมีอาการไม่เหมือนกัน ซึ่งแลคโตสปริมาณ 12 กรัม หรือนมประมาณ 8 ออนซ์หรือไอศครีม 1 ถ้วย มีผลทำให้ร่างกายแปรปรวน
ถ้าการผายลมหรืออุจจาระมีกลิ่นรุนแรงหลังจากดื่มนม ควรไปหาหมอเพื่อตรวจเช็ค แพทย์จะกำหนดปริมาณแลคโตสที่ควรบริโภคในแต่ละวันโดยไม่สร้างปัญหากับสุขภาพ คุณหมออาจจะให้ยาแลคติคซึ่งมีส่วนกระตุ้นในการย่อยอาหารที่เกี่ยวกับนม หากคุณเพิ่งกินไอศครีมซันเดย์ไป ควรกินยานี้ตามภายใน 45 นาที
Ulzzang
4. ปัสสาวะมีกลิ่นฉุน สัญญาณของการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ
5. ลมหายใจกลิ่นเหมือนไข่เน่าสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
