ใครๆ ก็รู้ว่าอาหารเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย เพราะสิ่งที่รับประทานเข้าไปสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่างๆ การเลือกรับประทานอาหารก็เป็นผลดีต่อร่างกาย ระบบสมองก็เช่นกัน เราควรเลือกอาหารที่ช่วยบำรุงสมองเพื่อไม่ให้เกิดอาการเบลอจากการใช้งานที่มากเกินไป มาดูกันว่า 12 เคล็ดลับ ผัก-ผลไม้อาหารบำรุงสมอง ความจำดีไม่มีลืม มีอะไรกันบ้าง
สารบัญ
1. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี
kristineskitchenblog
ผลไม้ตระกูลเบอร์รีไม่ว่าจะเป็นเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี ที่หลายๆ คนรู้จักกันเป็นยังดี แม้จะเป็นเพียงผลเล็กแต่เต็มเปี่ยมได้ด้วยคุณค่าทางอาหาร เพราะมีรสเปรี้ยวทำให้อุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ อย่าง วิตามินเอ วิตามินบี กรดโฟลิก ที่ร่างกายต้องการ โดยผลไม้ตระกูลเบอร์รีสามารถช่วยในเรื่องบำรุงสมองและระบบประสาท ป้องกันการสูญเสียความทรงจำระยะสั้นทำให้มีความทรงจำที่ดีขึ้น ซึ่งผลไม้ตระกูลเบอร์รีสามารถนำมารับประทานเล่นได้ หรือจะนำมาทานคู่กับขนมปัง โยเกิร์ต เป็นอาหารมื้อเช้าเพื่อสุขภาพก็ได้
2. แอปเปิล
livestrong
แอปเปิลผลไม้สีแดงที่ใครๆ ก็คิดว่าเป็นผลไม้อาบยาพิษที่สโนไวท์กินแล้วต้องตาย แต่จริงๆ แล้วผลไม้ชนิดนี้ให้คุณประโยชน์อย่างมาก เพียงแค่รับประทาน 1 ผล ก็สามารถให้วิตามินที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี อีกมายมาย แถมยังช่วยชะลอวัยและชะลอความทรงจำไม่ให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ด้วย แอปเปิลเป็นผลไม้ที่สามารถนำมาทานให้กระหายความหิวระหว่างวันได้ หากใครคิดจะลดน้ำหนัก แต่ก็ควรทานวันละ 2 – 3 ลูก หรือใครไม่สะดวกทานเป็นลูกก็รับประทานเป็นเครื่องดื่มให้ช่วยสร้างความสดชื่นระหว่างวันก็ได้
3. อะโวคาโด
stylecraze
อะโวคาโดเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ให้คุณค่าและประโยชน์ต่อร่างกายสูง สามารถช่วยต้านอนุมูลอิสระ บำรุงสายตา ลดไขมันในเส้นเลือด แถมยังเป็นผลไม้ที่ช่วยในการบำรุงสมองด้วย เนื่องจากในอะโวคาโดมีกรดโอเลอิก ซึ่งเป็นกรดไขมันสูงทำให้ส่งผลดีต่อการกระตุ้นการทำงานและบำรุงของระบบประสาทและสมองได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะเป็นคุณแม่ตั้งครรภ์ หรือเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปก็สามารถรับประทานอะโวคาโดได้ เพื่อไปช่วยในการพัฒนาสมองให้มีประสิทธิมากขึ้น ทั้งนี้การรับประทานอะโวคาโดควรทานวันละ 1 ลูกเท่านั้น หรือทานคู่กับสลัดผักพร้อมราดน้ำสลัดคลุกเคล้าให้เข้ากันคงถูกใจหลายๆ คน
4. ทับทิม
prevention
ผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ไม่แพ้ผลไม้ชนิดอื่นเลยก็คือ ทับทิม ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมวิตามินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วิตามินเอ วิตามินซี และกรดโฟลิก ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ ยิ่งถ้าได้รับประทานแบบสดหรือคั้นเป็นน้ำจะได้ประโยชน์แบบเต็มๆ เพราะทับทิมมีไฟเบอร์เยอะมากแถมช่วยบำรุงสมองและระบบประสาทที่จะช่วยยับยั้งโรคอัลไซเมอร์ได้ด้วย
5. แคนตาลูป
stylecraze
แคนตาลูปผลไม้ที่ให้ความสดชื่นมีความหวาน เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ไม่ว่าจะเป็น วิตามินซี วิตามินบี ธาตุแคลเซียม เป็นต้น สารเหล่านี้มีส่วนช่วยในการบำรุงระบบประสาทและสมอง เพื่อช่วยฟื้นฟูการทำงานของสมองให้มีความทรงจำดี ทำให้เกิดสมาธิ และคลายเครียดได้ โดยแคนตาลูปสามารถนำมารับประทานเล่นเป็นมื้อระหว่างวัน หรือจะทำเป็นขนมหวานอย่าง ไอศกรีมแคนตาลูป สาคูแคนตาลูปนมสด เห็นแบบนี้แล้ว แคนตาลูปก็เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ให้ความอร่อยแถมยังช่วยเสริมสร้างระบบสมองอีกด้วย
6. ผักโขม
eatwell101
ถ้าพูดชื่อว่า ผักโขม หลายคนต้องรู้สึกยี้ ไม่ชอบ ต้องไม่อร่อยแน่ๆ แต่แท้จริงแล้วผักโขมเป็นผักที่อร่อย แถมยังให้คุณค่าทางโภชนาอย่างมากด้วย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก ที่สามารถช่วยบำรุงสมองและระบบประสาทได้ดี และเสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ประสาท เพราะมีกรดโฟลิกสูงที่ดีต่อการจำและช่วยลดอาการความจำเสื่อมด้วย สำหรับผักโขมแล้วเมนูง่ายๆ ที่รับประทานกันได้คงเป็น ผักโขมอบชีส หรือจะเป็นสลัด ก็ตามแต่ความชอบ
7. ใบเหลียง
knorr
ใบเหลียงผักใบเขียวอีกหนึ่งชนิดที่ให้อุดมไปด้วยคุณประโยชน์อย่าง วิตามินบี ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขอระบบประสาทและสมอง เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ เนื่องจากสามารถป้องกันโรคอัลเซอเมอร์ได้ด้วย อีกทั้งยังบำรุงหลอดเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจ แม้ว่าใบเหลียงจะเป็นพืชพื้นบ้านแต่กับมีประโยชน์อย่างหลากหลาย และเมนูง่ายๆ ที่เรามักจะเห็นกันก็คือ ใบเหลียงผัดไข่ เมนูทานง่ายแถมยังได้ประโยชน์อีกด้วย
8. บล็อกโคลี่
blog.sssports
ผักสีเขียวอีกหนึ่งชนิดที่จะช่วยบำรุงสมองก็คือ บล็อกโคลี่ ผักที่หลายคนต่างชื่นชอบรับประทานเพราะเป็นผักที่รับประทานง่ายและไม่ขม ซึ่งผักชนิดนี้มีสารอาหารจำพวกวิตามินซี วิตามินอี แมกนีเซียม แถมยังมีสารเอนไซม์ไมโรซิเนสกับสารซัลโฟราเฟน เป็นตัวช่วยทำให้ขับสารพิษ เสริมภูมิคุ้มกันโรค และยังช่วยบำรุงระบบสมองป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ด้วย โดยบล็อกโคลี่สามารถนำมาทำอาหารด้วยการผัดน้ำมันหอย และไม่ว่าจะผัดกับอะไรก็อร่อยแน่นอน แถมยังมีคุณประโยชน์อย่างเต็มเปี่ยม
9. คะน้า
steamykitchen
ผักคะน้าเป็นผักที่ทุกคนต่างคุ้นเคยกันดี แต่เคยรู้บ้างไหมว่าผักคะน้านั้นมีประโยชน์กับระบบสมองด้วย และเป็นแหล่งรวบรวมแร่ธาตุ วิตามินมากมาย โดยให้คุณประโยชน์ต่อระบบร่างกายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และมีสารอนุมูลอิสระช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้วิตามินอียังช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดปัญหาความจำเสื่อมให้เกิดช้าลง คะน้าจึงนำมาเป็นเมนูอาหารที่หลากหลายให้เลือกรับประทานอย่าง ผัดคะน้าน้ำมันหอย ยำผักคะน้า หรือเป็นผักในเมนูก๋วยเตี๋ยว
10. ใบบัวบก
allnaturalideas
พืชสมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่มีประโยชน์แก่ร่างกายอย่าง ใบบัวบก ที่ไม่ได้มีดีเพียงแค่แก้ช้ำใน แต่ยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี ธาตุแคลเซียม และอีกมากมาย ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความวิตกกังวล เพิ่มการทำงานของสมองและความทรงจำ แถบช่วยยับยั้งอาการของโรคอัลไซเมอร์หรือโรคสมองเสื่อม สำหรับใครที่อยากรับประทานใบบัวบกก็คงไม่พ้นน้ำใบบัวบกที่สามารถหาทานได้ง่าย หากเป็นเมนูอาหารก็คงเป็นยำใบบัวบก หรือทานเป็นผักเครื่องเคียงกับส้มตำ ลาบ น้ำตก ก็ได้เหมือนกัน
11. แคร์รอต
etsy
แคร์รอตผักสีส้มที่เป็นส่วนประกอบในการทำอาหารได้หลากหลายเมนูไม่ว่าจะต้ม ผัด นึ่ง หรือทำเป็นเครื่องดื่มรับประทานระหว่างวันก็ได้ เพราะแคร์รอตอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี ธาตุแคมเซียม ธาตุเหล็ก เป็นต้น แถมยังช่วยบำรุงสมอง ลดความบกพร่องทางความจำ และช่วยลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอัมพฤกษ์ อัมพาต ทั้งนี้การรับประทานแครอทควรรับประทานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อกระตุ้นการทำงานของสมองให้มีความทรงจำที่ดีขึ้น
12. ขมิ้นชัน
organifishop
ขมิ้นชันเป็นแหล่งรวบรวมวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินเอ วิตามินบี ธาตุแคลเซียม ธาตุเหล็ก โปรตีน ที่ช่วยบำรุงสมองป้องกันโรคอัลไซเมอร์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสมองแถมยังต้านอาการซึมเศร้าและป้องกันการสูญเสียเซลล์ประสาทจากความเครียดได้ด้วย โดยขมิ้นชันก็สามารถนำมาทำเป็นเมนูอาหารต่างๆ มากมายอย่าง ข้าวหมกไก่ ไก่บ้านต้มขมิ้น หมูสะเต๊ะ ไก่ผัดขมิ้น หากใครอยากรับประทานอาหารบำรุงสมองขมิ้นชันก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจแถมเมนูอาหารก็น่ารับประทานอีกด้วย
พี่อะเครุแนะนำว่าสำหรับ 12 ผัก-ผลไม้อาหารบำรุงสมอง ควรทานในสัดส่วนที่พอเหมาะ ไม่ควรรับประทานมากจนเกินไป เพราะการรับประทานมากเกินไปอาจก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีก็เป็นได้
