เปิดศักราชใหม่มาก็ต้องมาอัปเดตบิวตี้ไอเทมกันสักหน่อย เรียกได้ว่าปีที่แล้วมีเทรนด์เครื่องสำอางให้เราได้ติดตามกันเยอะแยะเลยใช่ไหมคะ และไอเทมสุดปังที่เป็นกระแสตั้งแต่กลางปีที่แล้วจนถึงปีนี้ก็คือลิปออยล์นั่นเอง วันนี้เราจะมาชี้เป้า 12 ลิปออยล์แบรนด์ดังในปี 2023 เพื่อให้สาวๆ ได้เก็บไว้เป็นลิสต์ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อไว้สักแท่งเป็นของตัวเอง ตัวไหนดี ตัวไหนปัง และควรค่าแก่การตำ! ตามมาดูกันเลย
ลิปออยล์คืออะไร ทำไมเราถึงควรใช้?
นอกจากผิวหน้าและผิวกายของเราที่จะต้องดูและและเอาใจใส่แล้ อีกหนึ่งสิ่งที่เราไม่ควรละเลยก็คือการบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้น ในปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์ที่บำรุงริมฝีปากของเราให้ไม่แห้งหรือลอกอยู่มากมายที่เนื้อสัมผัสแตกต่างกันออกไปในแง่ของความหนักและเบา ทั้งลิปบาล์ม ปิโตรเลียมเจล รวมถึงลิปออยล์นั้นก็ถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สาวๆ ไม่ได้ทาเพื่อบำรุงเท่านั้น แต่ยังทาเพื่อความสวยงามอีกด้วย แล้วลิปออยล์คืออะไร ช่วยบำรุงได้ดีไหม หรือช่วยให้ปากฉ่ำวาวอย่างเดียว วันนี้เรามาหาคำตอบกัน
ลิปออยล์ คือผลิตภัณฑ์บำรุงริมฝีปากที่มีส่วนผสมของน้ำมันธรรมชาติจากพืชเป็นหลัก มีลักษณะเหลว บางเบา ไม่เหนียวหรือข้น มีส่วนช่วยในการบำรุงริมฝีปากล้ำลึกและให้ความชุ่มชื้นยาวนาน รวมถึงสมานแผลที่เกิดจากการแห้งแตกได้ดี ในบางแบรนด์เองก็ได้มีเพิ่มส่วนผสมอื่นๆ ลงไปในลิปออยล์เพื่อเพิ่มการบำรุงล้ำลึกยิ่งขึ้น เช่น วิตามินอี เป็นต้น รวมถึงได้มีการเติมสีเล็กน้อยเพื่อให้ทาแล้วมีสีสันและความสวยงามเพิ่มขึ้นนั่นเองค่ะ
ลิปออยล์ ลิปบาล์ม และ ลิปกลอส 3 ตัวนี้แตกต่างกันไหม?
อย่างที่พี่อะเครุได้เล่าให้ฟังไปว่าทุกวันนี้มีผลิตภัณฑ์บำรุงและให้ความชุ่มชื้นริมฝีปากเยอะมาก สาวๆ ที่ใช้ลิปบาล์มหรือลิปมันอยู่เป็นประจำก็อาจจะคิดว่าไอเทมนั้นให้ความชุ่มชื้นอยู่แล้ว เรายังจะต้องมีลิปออยล์อีกหรอ หรือ ใครที่เป็นสายเมคอัพ ชอบทาลิปกลอสให้ปากฉ่ำวาวก็อาจจะกำลังตัดสินใจว่าจะซื้อลิปออยล์ดีไหมเพราะลิปกลอสที่มีก็เนื้อวาวเหมือนกัน วันนี้พี่อะเครุจะพามาดูว่า ลิปออยล์ ลิปบาล์ม และลิปกลอส ต่างและเหมือนกันอย่างไรค่ะ
- ลิปออยล์ คือลิปที่มีส่วนผสมของน้ำมันที่สกัดจากพืชมากที่สุดกว่าลิปบำรุงประเภทอื่น มีเนื้อที่เหลวและเบากว่าลิปกลอส ทาแล้วไม่หนักปาก เนื้อสัมผัสไม่หนึบ รวมถึงมีพิกเมนต์สีที่จางกว่าลิปกลอสอีกด้วย
- ลิปบาล์ม คือลิปที่มีส่วนผสมของน้ำมันที่สกัดจากพืชเช่นเดียวกับลิปออยล์ แต่ได้มีการผสมขี้ผึ้งรวมถึงส่วนผสมอื่นๆ เข้าไปจึงทำให้ลิปบาล์มมีลักษณะเป็นบาล์มที่เข้มข้นขึ้น ไม่เหลว มักบรรจุมาในรูปแบบแท่งหรืออยู่ในกระปุก
- ลิปกลอส คือลิปที่มีเนื้อเหลวแต่มีความเข้มข้นและความหนืดมากกว่าลิปออยล์ รวมทั้งมีพิกต์เมนต์สีที่เข้มกว่าเป็นเท่าตัว ทาแล้วอาจให้ความเหนอะหนะเล็กน้อยแต่ในทุกวันนี้ก็มีลิปกลอสหลากหลายแบรนด์ที่ทำเนื้อให้มีความบางเบาด้วยนะ
เห็นไหมคะสาวๆ ว่าลิปทั้งสามประเภทนี้มีความแตกต่างกันหลายด้านเลย ถ้าหากใครลังเลหรือตัดสินใจไม่ได้ ไม่ต้องคิดเยอะเลยค่ะ พี่อะเครุแนะนำให้มี ลิปบาล์ม 1 แท่งไว้บำรุง ลิปออยล์ 1 แท่งสำหรับทาวันสบายๆ และลิปกลอสอีก 1 แท่ง สำหรับทาวันแต่งหน้าจัดเต็ม
รวมลิปออย์ 12 แบรนด์ในปี 2023 ยี่ห้อไหนน่าตำบ้าง?!
เรียกได้ว่าใครๆ ทุกวันนี้ก็มีลิปออยล์ติดกระเป๋าพร้อมครีเอทลุคผิวโกลว์ปากฉ่ำขั้นสุด หากใครที่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อลิปออยล์ยี่ห้อไหนดี ขอเชิญมาอ่านรีวิวนี้เพื่อเก็บไว้เป็นลิสต์ในใจก่อนไปซื้อกันได้เลยค่า
1. Dior Addict Lip Glow Oil
ลิปออยล์แบรนด์ลูกคุณหนู Dior Addict Lip Glow Oil ตัวนี้เป็นหนึ่งในไอเทมตัวโปรดในใจของสาวๆ หลายคนเลยก็ว่าได้ เนื้อสัมผัสแรกที่ทาลงบนริมฝีปากมีความเบา ไม่หนักปาก ทาแล้วรู้สึกสบาย ไม่เหนียวเหมือนทาลิปกลอส ไม่มันเยิ้มจนเกินไป หลังจากทาแล้วยังคงความชุ่มชื้นยาวนานถึงแม้ว่าเนื้อผลิตภัณฑ์จะหลุดไปแล้วก็ตาม มีสีให้เลือก 5 เฉดสี ความพิเศษคือสีจะเข้มขึ้นเมื่อเจอความเย็น คุ้มค่าทั้งด้านการบำรุงและความสวยจริงๆ ค่ะ
ผลิตภัณฑ์ | Dior Addict Lip Glow Oil |
จุดเด่น | ● เนื้อสัมผัสเบา ● ทาแล้วไม่หนักปาก ● มี 5 เฉดสี ● สีเปลี่ยนเมื่อเจอความเย็น |
ราคา/ปริมาณ | 1,870 บาท/ 32 มล. |
พิกัด | Dior |
Supachart Niamsiri: Lip Glow Oil ก็ชุ่มชื้นถึงขีดสุด ชอบมากๆค่ะ
Facebook
2. Clarins Lip Comfort Oil
พูดถึงลิปออยล์แล้วไม่มีตัวนี้ไม่ได้เลย Clarins Lip Comfort Oil ตัวนี้ถือว่ามีสีพิกเมนต์ที่ค่อนข้างเข้ม ให้ความเป็นระเรื่อกำลังพอดี เนื้อละมุนมาก มีความมันและสารสกัดจากน้ำมันธรรมชาติถึง 93% เช่น Jojoba Oil, Hazelnut และ Rosehip ชุ่มชื้นยาวนานแถมยังไม่ทำให้ปากคล้ำขึ้นด้วยนะ พร้อมทั้งปลอบประโลมริมฝีปากที่มีแผลได้ดีเลยค่ะ
ผลิตภัณฑ์ | Clarins Lip Comfort Oil |
จุดเด่น | ● พิกเมนต์สีค่อนข้างเข้ม ● เนื้อค่อนข้างมัน ● มีสารสกัดจากน้ำมันธรรมชาติ 93% ● ปลอบประโลมริมฝีปากได้ดี |
ราคา/ปริมาณ | 1,100 บาท/ 7 มล. |
พิกัด | Clarins |
Charlotte Rak: เป็นลิปออยล์ที่เนื้อดีมากเวอร์ ทาแล้วดูปากอวบอิ่ม ดูสุขภาพดี ชุ่มฉ่ำเกินเบอร์ไปอีก
Facebook
3. Clarins Lip Comfort Oil Limited Edition – กลิ่น Lavender Feel
ต่อยอดความปังหลังจากที่ปล่อยรุ่นแรกออกมา Clarins ก็ได้ปล่อยลิปออยล์ Limited Edition ออกมาพร้อมกับ 4 กลิ่นใหม่ ได้แก่ Autumn, Lavender Feel, Peace & Lips, Zest of Happiness ได้กลิ่นหอมออกมาตั้งแต่เปิดฝาลิปเลย โดยทางแบรนด์เคลมว่ากลิ่นเหล่านี้จะทำให้อารมณ์ของเราดีขึ้นระหว่างวันอีกด้วย ส่วนเรื่องความชุ่มชื้นก็ยังคงความดีงามไว้เช่นเคยรวมทั้งมี anti-oxidants ที่ช่วยให้ปากของเราไม่เหี่ยวย่นด้วยค่ะ
ผลิตภัณฑ์ | Clarins Lip Comfort Oil Limited Edition |
จุดเด่น | ● ไม่มีสี ● มีสาร Antioxidant ● มีสารสกัดจากน้ำมันธรรมชาติ 93% ● กลิ่นหอมจากธรรมชาติ |
ราคา/ปริมาณ | 1,100 บาท/ 7 มล. |
พิกัด | Clarins |
EB.Bahboh: ช่วยเรื่องปากแห้งหรือลอกได้ดีมากๆ ทาแล้วฟีลปากอวบอิ่ม ลดอายุมาก!
Facebook
4. Panpuri Lip Tint Oil
ถ้าพูดถึงลิปออยล์ที่กำลังเป็นกระแสกันทั้งในติ๊กตอกหรือกลุ่มรีวิวสกินแคร์ในเฟสบุ๊กในตอนนี้ก็ต้องเป็นตัวนี้เท่านั้น Lip Tint Oil จากแบรนด์ไทยอย่าง Panpuri ความประทับใจแรกตั้งแต่เปิดฝาออกมาคือกลิ่นหอมเหมือนกับสปาของแบรนด์เค้าเลยค่ะ เนื้อลิปมีความชุ่มชื้นมากแต่ไม่เหนียว ใครที่ปากแห้งแตกหรือเป็นแผล พี่อะเครุแนะนำให้ทาหนาๆ ไว้ก่อนนอน ตื่นมาปากนุ่มและไม่แห้งเลย มีสีชมพูจางๆ ใช้ทาทับลิปสติกก็เริ่ดเหมือนกัน
ผลิตภัณฑ์ | Panpuri Lip Tint Oil |
จุดเด่น | ● เนื้อลิปชุ่มชื้น ● กู้ปากแห้งแตกข้ามคืม ● มีสีชมพูจางๆ ● กลิ่นหอมแบบสปา |
ราคา/ปริมาณ | 540 บาท/ 6 มล. |
พิกัด | Panpuri |
Rainy Kaewbandit: เนื้อลิปมีความชุ่มชื้นสูง บำรุงได้ดีม้ากก ใช้แก้ปากแห้งปากแตกได้เลยค่ะ ตัวนี้เขาจะมีเนื้อลิปสีชมพูระเรื่อ ทาเดี่ยว ๆ หรือทาทับลิปแล้วได้ลุคดูสุขภาพดี
Facebook
5. HAUS LABS PhD Hybrid Lip Oil
ลิปออยล์จากแบรนด์คุณแม่เลดี้ กาก้าของเรา PhD Hybrid Lip Oil ตัวนี้สีสวยโดนใจมากเพราะว่ามีสีที่ไม่จางและเข้มเป็นระเรื่อกำลังพอดี แต่ก็ไม่ชัดจนเกิดไป ที่สำคัญสีติดทนไม่หลุด ส่วนเนื้อนั้นมีความละมุนและนุ่ม ทาแล้วไม่หนักปาก และไม่มีเท็กซ์เจอร์ของน้ำมันที่เยอะเกินไป พร้อมมีสารบำรุงจากคอลลาเจนและน้ำมันลูกแพรช่วยให้ปากชุ่มชื้น ไม่เหี่ยวย่น และนุ่มน่าจุ๊บละมุนดุจเนื้อลิปเลยล่ะค่ะ
ผลิตภัณฑ์ | HAUS LABS PhD Hybrid Lip Oil |
จุดเด่น | ● เนื้อลิปนุ่มละมุนไม่มันเยิ้ม ● พิกเมนต์สีเข้มกำลังพอดี ● มีคอลลาเจน ● บำรุงให้ปากนุ่ม ไม่เหี่ยวย่น |
ราคา/ปริมาณ | 884 บาท/ 7 มล. |
พิกัด | HAUS LABS |
รีวิวระดับชาติ: ไม่น่าเชื่อว่าจะดีแบบดีตะโกน โครตสวย สวยแบบมงลงเติมความฟู ความฉ่ำให้ปากแบบของจริง ไม่เหนียวปากเหมือนแบรนด์อื่นๆ
Facebook
6. Hermes Hermesistible Infused Care Oil
เมื่อ Hermes เปิดไลน์เมคอัพก็เป็นกระแสทันทีค่ะ โดยเฉพาะกับลิปออยล์ตัวนี้ที่คุณภาพเหมาะสมกับราคา เนื้อลิปมีความบางเบาแต่ผสานไปด้วยคุณค่าที่พร้อมบำรุงริมฝีปากอย่างเข้มข้นจากสารสกัดจากธรรมชาติถึง 97% เมื่อทาลงบนริมฝีปากแล้วมีความเป็นน้ำมันน้อยมากและให้ความบางเบาเท่ากับลิปบาล์ม ที่สำคัญกลิ่นหอมฟรุ้ตตี้แบบผู้ดีมากสมกับเป็นลักชูรีแบรนด์ ใครที่ชอบลิปออยล์เนื้อบางเบา ไม่วาวจนเกินไป และมีกลิ่นหอมผลไม้ก็ต้องจัดแล้ว
ผลิตภัณฑ์ | Hermes Hermesistible Infused Care Oil |
จุดเด่น | ● เนื้อลิปบางเบา ● ไม่มันวาวจนเกินไป ● มีสารสะกัดจากธรรมชาติ 97% ● มีกลิ่นหอมฟรุ้ตตี้ |
ราคา/ปริมาณ | 2,000 บาท/ 8.5 มล. |
พิกัด | Hermes |
EB.Bahboh: เนื้อออยล์ชุ่มชื้นสะบัด และมีความหอมตะโกนม๊ากกก
Facebook
7. Fenty Skin Cherry Lip Treat Conditioning Oil
สำหรับลิปตัวนี้มาจากไลน์ Fenty Skin จากแบรนด์ Fenty ลิปออยล์ที่คัดสารสกัดเข้มข้นจากผลเชอร์รี เนื้อลิปมีความลื่น นุ่ม ไม่เหนียวและมันเหมือนกับลิปออยล์ทั่วไป ให้ความรู้สึกเหมือนกับทาลิปเซรั่มมากกว่า นอกจากจะมีเชอร์รีเป็นส่วนผสมแล้วก็ยังมีน้ำมันผลไม้หลากหลายชนิดอีกด้วย ให้ความชุ่มชื้นล้ำลึกทาปาดเดียวก็ได้ความรู้สึกเหมือนเนื้อลิปซึมเข้าสู่ทุกอณูร่องปากเลยค่ะ
ผลิตภัณฑ์ | Fenty Skin Cherry Lip Treat Conditioning Oil |
จุดเด่น | ● มีกลิ่นหอมเชอร์รี ● มีสารสะกัดจากน้ำมันผลไม้ ● เนื้อลิปบางเบาซึมง่าย ● มีสีจางๆ |
ราคา/ปริมาณ | 1,180 บาท/ 5.6 มล. |
พิกัด | Sephora |
Ngingi Beauty: ชอบตรงที่ทาแล้วมันชุ่มชื้นนานมากๆๆๆ มีออยล์จากน้ำมันสกัดของผลไม้เชอร์รี่ + วิตามิน
8. La Mer The Lip Volumizer
ลิปออยล์ La Mer รุ่นนี้ถือว่าเป็นลิปที่มีเนื้อเข้มข้นกว่าลิปออยล์รุ่นอื่นๆ ค่ะ แต่ด้วยความเข้มข้นนั้นก็ใช่ว่าจะเหนียวหนึบนะ เพราะ La Mer ทำออกมาได้ดีเกินคาดจริงๆ สัมผัสแรกที่ทาลงบนริมฝีปากคือเบามาก นุ่มนวลสุดๆ กู้ปัญหาปากแห้งแตกหนักได้ภายในความคืน ไม่มีสีและเท็กซ์เจอร์ของน้ำมันจึงไม่รู้สึกมันปากหลังจากที่ทา แถมยังมี antioxidant และเทคโนโลยี Miracle Broth ช่วยบำรุงให้ปากเต่งตึงและไม่เหี่ยวย่นอีกด้วย
ผลิตภัณฑ์ | La Mer The Lip Volumizer |
จุดเด่น | ● เนื้อเข้มข้นแต่บางเบา ● กู้ริมฝีปากแห้งในข้ามคืน ● ไม่มีสี ● มี antioxidant |
ราคา/ปริมาณ | 4,250 บาท/ 7 มล. |
พิกัด | La Mer |
วันนี้รีวิวอะไรดี: ตัวนี้ชอบมาก ถึงชอบที่สุด ไม่มีตัวไหนแทนได้ ราคาขึ้นเรื่อยๆ แต่ยอมซื้อ เพราะปากแห้งแตกแค่ไหนก็เอาอยู่
Facebook
9. Gisou Lip Oil Honey Infused
Gisou Lip Oil Honey Infused แพ็กเกจจิ้งโดดเด่นแปลกใหม่มาพร้อมคุณภาพลิปสุดจึ้ง มีส่วนผสมจากธรรมชาติ 99.5% เนื้อสัมผัสบางเบา ไม่หนักปาก ไม่มันเยิ้ม ลิปออยล์ตัวนี้เค้ามีส่วนผสมจากน้ำผึ้ง Mirsalehi ที่ไม่ใช่น้ำผึ้งธรรมดาแต่เป็นน้ำผึ้งที่ผสมเกลือแร่ วิตามิน และกรดอะมิโน ช่วยบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้น ล้ำลึก รวมถึงมีกรดไฮยาลูรอนิกที่ให้ความชุ่มชื้นเพิ่มแบบคูณสองไปเลย แถมยังมีกลิ่นหอมน้ำผึ้งอ่อนๆ อีกด้วย
ผลิตภัณฑ์ | Gisou Lip Oil Honey Infused |
จุดเด่น | ● เนื้อบางเบา ● มีส่วมผสมน้ำผึ้ง Mirsalehi ● มี Hyaluronic Acid ● มีส่วนผสมจากธรรมชาติ 99.5% |
ราคา/ปริมาณ | ประมาณ 1,000 บาท/ 8 มล. |
พิกัด | Gisou |
วันนี้รีวิวอะไรดี: ชอบตรงที่ผสมน้ำผึ้งมาด้วย ปากนุ่มเลย แต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ
Facebook
10. Kylie Skin Lip Oil
ลิปออยล์สีใสปิ๊งจาก Kylie Skin เหมาะสำหรับคนที่ไม่เน้นสีสันอะไรมากมาย เนื้อลิปมีความคล้ายกับเจลลี่นิดๆ แต่ยังคงเท็กซ์เจอร์ความมันหน่อย ทาแล้วให้ฟินิชลุคที่กลอสซี่ มีสารสกัดจากวิตามินอีและน้ำมันมะพร้าวที่ช่วยบำรุงปากล้ำลึก ทาแล้วให้ความชุ่มชื้นพอดี ไม่มันเยิ้ม แถมยังมีสารที่ช่วยทำให้ริมฝีปากเราดูอวบอิ่มขึ้นนิดๆ เหมือนกับตอนใช้ Lip Plump เลยค่ะ
ผลิตภัณฑ์ | Kylie Skin Lip Oil |
จุดเด่น | ● เนื้อคล้ายเจลลี่ ● ไม่มีสี ● ผสานวิตามินอีและน้ำมันมะพร้าว ● ช่วยทำให้ปากอวบอิ่ม |
ราคา/ปริมาณ | ประมาณ 900 บาท/ 6 มล. |
พิกัด | Kylie Cosmetic |
11. Sasi Wonder Glow Lip Oil
โยกย้ายกันมาที่ฝั่งแบรนด์ไทยกันบ้าง ของถูกและดีคุณภาพเกินราคาก็ต้องยกให้แบรนด์ Sasi และลิปออยล์ตัวนี้ก็ทำไว้ดีเกินคาดอีกแล้ว สัมผัสแรกเนื้อลิปมีความหนึบๆ เล็กน้อย แต่ไม่หนักปาก ทาแล้วลื่น เกลี่ยง่าย แถมทาแล้วยังโกลว์และเล่นแสงดีมาก มาใน 3 เฉดสี แต่ละสีนั้นทาแล้วจะได้ลุคปากอมชมพูแบบสุขภาพเหมือนเราทาแค่ลิปมันทับ อุดมด้วยวิตามินอี น้ำแร่ และสารสกัดจากพืชพรรณธรรมชาติแบบครบจบในแท่งเดียว
ผลิตภัณฑ์ | Sasi Wonder Glow Lip Oil |
จุดเด่น | ● เนื้อบางเบา ● เกลี่ยง่าย ● มี 3 เฉดสี ● ทาแล้วได้สีปากแบบสุขภาพดี |
ราคา/ปริมาณ | 139 บาท/ 2.5 กรัม |
พิกัด | Watsons |
รีวิวซะป๊ะ: ลิปออยที่ช่วยบำรุงให้ปากชุ่มชื่น ทาแล้วปากสะท้อนแสง เงาแวววาวสวยมาก แต่ทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะเลย สบายปาก
Facebook
12. Estee Lauder Pure Color Envy Nighttime Rescue Lip Oil-Serum
ปิดท้ายกันที่แบรนด์ Estee Lauder กับลิปออยล์ไซซ์น่ารักปุ๊กปิ๊ก ตัวนี้เป็นเหมือนกึ่งลิปเซรั่มที่ให้การบำรุงอย่างล้ำลึกอีกด้วย เนื้อลิปมีความบางเบา ทาแล้วซึมเข้าสู่ร่องริมฝีปากค่อนข้างไว ให้ความชุ่มชื้นยายนาน บอกเลยว่าใครที่มีปัญหาปากแตกให้โบกหนาๆ ไว้ตอนกลางคืน ตื่นมาตอนเช้ารับรองว่าแผลสมานตัวดีมาก แถมยังช่วยลดริ้วรอยบนริมฝีปากได้ดีอีกด้วยค่ะ
ผลิตภัณฑ์ | Estee Lauder Pure Color Envy Nighttime Rescue Lip Oil-Serum |
จุดเด่น | ● ลิปเนื้ออยล์ผสมเซรั่ม ● บางเบา ซึมไว ● คงความชุ่มชื้นยาวนาน ● ช่วยสมานริมฝีปากที่แตก |
ราคา/ปริมาณ | 1,350 บาท/ 9 มล. |
พิกัด | Sephora |
Mynt: ใช้แล้วปากนุ่มมากกกกกกก ดีมากกกกกค่ะ ไม่มันเกินไป ทาก่อนนอนแล้วปากไม่เยิ้ม
Sephora
วิธีดูแลริมฝีปากให้เนียนนุ่ม ไม่เป็นแผลแห้งแตก
ไม่ว่าจะฤดูหนาวหรือร้อนสาวๆ ก็มักเผิชญกับปัญหาริมฝีปากแห้ง แตก บางครั้งก็เป็นแผลกันอยู่บ่ยๆ ใช่ไหมคะ การใช้ลิปออยล์อาจจะช่วยได้ในยามฉุกเฉินแต่เราเองก็ต้องมีวิธีดูแลรักษาอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย วันนี้พี่อะเครุจะมาแชร์วิธีดูแลริมฝีปากให้นุ่ม ชุ่มชื้น ไม่แห้งแตก ให้น่าจุ๊บกัน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน วิธีแรกถือเป็นวิธีคลาสสิกเลยค่ะ โดยถ้าเราดื่มน้ำปริมาณ 8-10 แก้วต่อวัน ร่างกายเราจะได้รับความชุ่มชื้นเพียงพอ โดยริมฝีปากจะเป็นอวัยวะที่บ่งบอกความชุ่มชื้นในร่างกายได้ดี ดังนั้นถ้าหากเราดื่มน้ำเพียงพอ ปากก็จะไม่แห้ง แตก แลดีต่อระบบภายของเราอีกด้วย
- ใช้ลิปสครับ นอกจากจะมีลิปมันหรือลิปออยล์ติดตัวแล้ว ลิปสครับก็ถือเป็นตัวช่วยกู้ปากเรียบเนียนได้ในยามฉุกเฉินค่ะ โดยถ้าหากใครรู้สึกว่าปากแห้งก็ให้ใช้ลิปสครับกับริมฝีปากเป็นเวลา 2 นาที และล้างออก เพียงเท่านี้ปากของเราก็จะไม่เป็นขุยหรือลอกแล้ว
- ทาลิปออยล์ ทริคสำคัญที่ขาดไม่ได้ ใครที่รู้สึกว่าลิปบาล์มยังชุ่มชื้นไม่พอ ก็ต้องหันมาพึ่งลิปออยล์แล้ว พี่อะเครุแนะนำให้ทาลิปออยล์หนาๆ ตอนกลางคืนและระหว่างวันเป็นประจำ ภายในหนึ่งอาทิตย์ริมฝีปากที่แห้งหรือเป็นแผลจะเริ่มนุ่มและสมานตัวดีขึ้นค่ะ
- ห้ามแกะหรือลอกหนังริมฝีปาก ข้อนี้พี่อะเครุเข้าใจเลยค่ะว่าบางครั้งก็ห้ามใจยาก แต่ถ้าหากเรายิ่งแกะหรือลอก ผิวหนังบริเวณริมฝีปากของเราจะไม่สมานตัว และทำให้เกิดแผลใหญ่ขึ้น รวมถึงเสี่ยงต่อการมีเชื้อโรคเข้าไปในแผลด้วยนะ ทางที่ดีต้องสครับและทาลิปออยล์บำรุงบ่อยๆ ก่อนนอนไว้เลย
จบกันไปแล้วกับการรีวิวลิปออยล์ทั้ง 12 แบรนด์ เรียกได้ว่าเป็นไอเทมที่เหมาะมากๆ สำหรับการซื้อในช่วงต้นปีนี้ ใครที่อยากลองใช้ลิปออยล์แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกแบรนด์ไหนดีที่เหมาะกับงบในกระเป๋าก็สามารถมาจดลิสต์ไว้ได้นะคะ ครั้งหน้าจะมีรีวิวอะไร อย่าลืมติดตามกันน้า
Tripple B because it's unique. Enjoy watching sunset, dive into the world of art and let my soul sink into music.