คิดว่าสาวๆ แทบทุกคนก็คงจะเลือกวิธีการดูแลผิวหน้าด้วยการทาครีมบำรุงกันใช่ไหมคะ? ที่ไม่ว่าจะเป็นทั้งเดย์ครีมและไนท์ครีม แต่ก็เชื่อว่าคงยังมีสาวๆ หลายคนที่กำลังประสบกับปัญหาการทาครีมบำรุงในตอนเช้าหรือเดย์ครีมแบบผิดๆ ส่งผลทำให้หน้ามันเยิ้มระหว่างวัน วันนี้พี่อะเครุเลยจะขอมาเปิดแชร์เทคนิควิธีการใช้เดย์ครีมกับ How to ทาเดย์ครีมให้ปัง!! ไม่ให้หน้ามัน หลุดเยิ้มระหว่างวัน
สารบัญ
เดย์ครีมคืออะไร? ต่างกับครีมบำรุงทั่วไปไหม?
เดย์ครีม (Day Cream) ก็คือครีมบำรุงผิวที่ผลิตออกมาเพื่อใช้บำรุงผิวหน้าในตอนเช้าหรือตอนกลางวัน โดยส่วนใหญ่ก็จะมีสรรพคุณที่เน้นไปในเรื่องของการปกป้องผิวจากแสงแดด มลภาวะ เช่น ฝุ่น ควัน และการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ใบหน้าของเรา ซึ่งเนื้อผลิตภัณฑ์ของครีมประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเน้นที่มีเนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ซึมง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะระหว่างวัน
เดย์ครีมต่างกับไนท์ครีมยังไง?
ต่างกันตรงที่เดย์ครีมจะมีเนื้อครีมบางเบากว่า จะเน้นสารบำรุงในการป้องกันแสงแดด มลภาวะต่างๆ และการเพิ่มความชุ่มชื้น โดยในบางแบรนด์จะมีการผสมสารกันแดด และเนื้อเบสที่ช่วยปรับสีผิวให้ขาวไบรท์ขึ้นหลังจากที่ทาเข้าไปด้วย ส่วนไนท์ครีมนั้นจะมีเนื้อตัวครีมที่เหนียวเข้มข้นกว่า และเน้นเรื่องการบำรุงซ่อมแซมเซลล์ผิวหลังจากที่ไปเผชิญกับมลภาวะต่างๆ ในระหว่างวันมานั่นเอง
วิธีการเลือกเดย์ครีมให้ตรงกับผิว
ก่อนอื่นสาวๆ อาจจะต้องรู้จักสภาพผิวหน้าของตัวเองก่อนนะคะ ว่าเป็นคนมีปัญหาผิวประเภทไหน เพราะครีมแต่ละยี่ห้อ แต่ละสูตรได้ถูกผลิตออกมาเพื่อแก้ปัญหาผิวประเภทต่างๆ
#1 ผิวธรรมดา
เป็นผิวที่มีปัญหาน้อยที่สุด ควรมีการปรับเปลี่ยนครีมตามสภาพอากาศเพื่อรักษาสมดุลของผิว ผิวประเภทนี้เหมาะกับสกินแคร์พวก มอยเจอร์ไรเซอร์ ที่จะเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เนื้อไม่เข้มข้นหรือบางเบาจนเกินไป
#2 ผิวแห้ง
ผิวประเภทนี้ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยเติมน้ำให้กับผิว เช่น มอยเจอร์ไรเซอร์ ไฮยาลูรอน และเลือกใช้ครีมที่มีเนื้อเข้มข้นเพื่อให้ครีมยึดติดกับผิวหน้าได้ดียิ่งขึ้น แต่ต้องหลีกเลี่ยงครีมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และพวกที่มีสาร BHA, AHA
#4 ผิวผสม
ผิวประเภทนี้ส่วนใหญ่แล้วจะมันในช่วงบริเวณทีโซน ดังนั้นควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเรื่องควบคุมความมันบนใบหน้า ประเภทเซรั่ม ที่ผลิตมาเพื่อผิวผสมโดยเฉพาะ เพราะครีมประเภทนี้จะไม่หนืดหรือเหลวจนเกินไปนั่นเองค่ะ
#5 ผิวมัน
เป็นผิวที่ส่งผลให้เกิดสิวได้ง่าย ดังนั้นแนะนำให้ใช้ประเภทเนื้อเจลหรือแบบน้ำ ที่มีส่วนผสมของสาร BHA, AHA และหลีกเลี่ยงครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันเพื่อจะทำให้ผิวมันหนัก หน้าเยิ้มยิ่งกว่าเดิม
เทคนิคขั้นตอนการลงเดย์ครีมอย่างไรให้ผิวปัง
จริงๆ แล้วเทคนิคที่เรานำมาฝากในวันนี้ก็ถือเป็นเทคนิคง่ายๆ แต่สาวๆ ต้องทำเป็นประจำในทุกๆ วัน เท่านี้ก็จะสามารถทาเดย์ครีมได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วล่ะค่ะ
1. ผิวหน้าต้องสะอาดก่อนบำรุง
ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยล่ะค่ะ เพราะในช่วงเวลาที่เรานอนผิวหน้าของเราได้มีการผลิตน้ำมันออกมาทำให้ผิวหน้ามีความมันขึ้นได้ ดังนั้นก่อนการลงเดย์ครีม สาวๆ ควรที่จะล้างหน้าให้สะอาด เอาความมันออกให้หมด เพื่อเป็นการเปิดเซลล์ผิวให้พร้อมกับการบำรุงนั่นเอง
2. เว้นระยะให้ครีมแต่ละตัวซึมลงผิวก่อนลงตัวต่อไป
เชื่อว่าสาวๆ ก็คงจะมีเดย์ครีมกันหลายตัวอย่างแน่นอน ดังนั้นการทางครีมที่ถูกวิธีก็คือ ทาแล้วให้มือตบเบาๆ ให้เนื้อครีมซึมลงสู่ผิวก่อนที่จะลงครีมตัวต่อไป เพื่อป้องกันเนื้อครีมไปกองกันที่ผิวชั้นนอก ซึ่งส่งผลให้เกิดเป็นสิวได้
3. จัดลำดับสเต็ปการลงเดย์ครีมให้ดี
ขั้นตอนการลงสกินแคร์นั้นสำคัญมากๆ เลยก็คือ การจัดลำดับการลงให้ดี โดยจะเรียงจากผลิตภัณฑ์เนื้อเหลวที่สุดไปข้นที่สุดนั่นเอง วันนี้เราเลยตัวอย่างสเต็ปการลงเดย์ครีมมาฝากสาวๆ กันด้วยค่ะ
4. มาสก์หน้าก่อนบำรุงช่วยได้
การมาสก์หน้าจะช่วยให้ผิวหน้าของสาวๆ อิ่มน้ำขึ้น และการที่ผิวอิ่มน้ำนั้นจะทำให้ร่างกายผลิตน้ำมันออกมาน้อย ส่งผลให้เครื่องสำอางที่แต่งไปติดทนนานทั้งวัน หน้าไม่เยิ้ม ไม่มีดรอประหว่างวัน ดังนั้นหากมีเวลาก็มาสก์หน้าก่อนสัก 5 นาที จะมาสก์ด้วยแผ่นหรือใช้สำลีชุบโทนเนอร์แปะเอาก็แล้วแต่สะดวกเลย ถ้าทำแล้วรับรองเลยว่าสาวๆ จะมีผิวหน้าที่สวยปังขึ้นอย่างแน่นอน
5. อย่าลืมทาครีมกันแดดเด็ดขาด
แน่นอนว่าช่วงกลางวัน เราต้องไปเผชิญกับแสงแดด ฝุ่น มลภาวะ ดังนั้นการทาครีมกันแดดสำคัญมา เพราะเป็นการสร้างเกราะป้องกันผิวไม่ให้ถูกทำร้ายและไม่ทำให้เดย์ครีมที่เราบำรุงไปเปล่าประโยชน์ อีกทั้งยังช่วยจบปัญหาการเกิดฝ้า กระ ผิวหมองคล้ำ โดยครีมกันแดดจะถูกทาเป็นตัวสุดท้ายก่อนจะแต่งหน้านั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสาวๆ หวังว่าบทความนี้ก็จะได้รับความรู้กันไปบ้างนะคะ สุดท้ายนี้เราอยากบอกสาวๆ เลยว่า การทาครีมบำรุงผิวไม่ว่าจะเป็นเดย์ครีมหรือไนท์ครีมนั้นก็สำคัญพอๆ กันทั้งคู่เลยค่ะ เพียงแค่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้ถูกกับผิวเท่านี้สาวๆ ก็จะมีผิวที่สวยแบบไม่ต้องเสียเงินไปเข้าคลินิกแล้วจ้า
ที่มาภาพ: bloomchapters, theclickthrough, laurenmcbrideblog,
target, richbeganyphoto, herbivorebotanicals, blissworld,
stylevana, totalbeauty, i-voce, totalbeauty
