Now Reading
แนะนำ 12 แอปฟังเพลงที่ดีที่สุดปี 2021 มิวสิกเลิฟเวอร์ถูกใจสิ่งนี้!!

แนะนำ 12 แอปฟังเพลงที่ดีที่สุดปี 2021 มิวสิกเลิฟเวอร์ถูกใจสิ่งนี้!!

MUSIC APP

ดนตรีเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเรามาอย่างยาวนานมากๆ ในสมัยก่อนเราอาจจะฟังเพลงจาก วิทยุ เทป แผ่นซีดี และในยุคที่เริ่มเจริญรุ่งเรืองด้านเทคโนโลยีอีกหน่อยอย่าง MP3 พกพา เพราะการฟังเพลงมันช่วยทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้จริงๆ นะ โดยเฉพาะเวลาที่เรารู้สึกเหงา มันเหมือนมีเพื่อนที่รู้ใจมาอยู่ข้างๆ เลยละ แล้วมันจะดีแค่ไหนกันหากเราสามารถฟังเพลงโปรดที่ชอบได้ตลอดเวลา พี่อะเครุจึงได้รวบรวม 12 แอปฟังเพลงยอดนิยม ที่จะช่วยให้เพื่อนๆ ได้ฟังเพลงโปรด สร้างเพลย์ลิสต์ที่ชอบ เอาไว้ฟังระหว่างเดินทาง หรือเป็นเพื่อนคู่ใจยามเหงาได้อย่างสบายๆ

วิธีเลือกแอปพลิเคชันฟังเพลง

ในปัจจุบันนี้มีแอปพลิเคชันเพลงให้ดาวน์โหลดหลากหลายมากๆ ซึ่งเราก็ต้องเลือกให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองด้วย เพราะในแต่ละแอปพลิเคชันมีความแตกต่างกัน บางคนอาจแค่อยากฟังเพลงเฉยๆ ก็ไม่จำเป็นต้องโหลดแอปเพลงที่มีวิทยุ หรือพ็อดคาส เพราะยิ่งมีข้อมูลในตัวแอปพลิเคชันมากเท่าไหร่ พื้นที่ในการจัดเก็บในโทรศัพท์ยิ่งน้อยลงค่ะ อาจจะไม่ถูกใจเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบการถ่ายรูป แล้วมีพื้นที่หน่วยความจำในเครื่องจำกัด โดยวิธีเลือกแอปพลิเคชันง่ายๆ เริ่มจาก

  • ดูคะแนนรีวิว จากทางด้านล่างของตัวแอปพลิเคชันให้มีแนวโน้มไปทางด้านบวก เพราะแอปบางตัวมีความไม่เสถียรของการใช้งาน เช่น กระตุก ค้าง หรือแม้แต่มีโฆษณาจุกจิกกวนใจบ่อย ทำให้ผู้ฟังได้รับอรรถรสจากการฟังเพลงได้ไม่เต็มที่ค่ะ
  • ดูไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เพื่อช่วยในการประหยัดพื้นที่หน่วยความจำในโทรศัพท์ และยังทำให้เราได้ฟังในสิ่งที่เราต้องการจริงๆ เราต้องรู้จักแนวของตนเองว่าชอบฟังประเภทไหน ป๊อป ร็อก อินดี้ เรื่องเล่า พ็อดคาสวิทยุ ข่าว ฯลฯ เพื่อที่จะได้เลือกใช้ให้เหมาะสมกับตัวเอง
  • ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมจ่ายเงิน เพื่อฟังเพลงนะ สำหรับคนที่ไม่ได้ติดการฟังเพลงมาก แนะนำว่าควรเลือกแอปที่มีให้บริการฟรี หรือแอปโหลดเพลงโดยเฉพาะค่ะ แต่ถ้าใครเป็นคนที่ชื่นชอบการฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ หรือติดฟังพ็อดคาสมากๆ แนะนำให้หาแอปพลิเคชันดาวน์โหลดแบบที่เสียตังค์ดีกว่า เพราะเราจะได้สิทธิพิเศษมากมาย อย่างการได้ฟังเพลงยอดฮิต หรือการฟังเพลงไม่สะดุดโดยมีโฆษณามาคั่นขัดจังหวะค่ะ

1.JOOX

Joox แอปพลิเคชันฟังเพลงที่คนไทยโหลดใช้กันมากที่สุด เป็นมิวสิคสตรีมมิ่งสำหรับคนที่รักการฟังเพลง มีเพลงที่หลากหลายสไตล์ให้เพื่อนๆ เลือกฟังแบบ Non-Stop สามารถฟังได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ แทบเล็ต และคอมพิวเตอร์ผ่านทางเว็บไซต์ Joox นอกจากนี้ยังสามารถสร้างเพลย์ลิสต์โปรดเก็บไว้ฟังแบบออฟไลน์ได้ด้วยนะ ยิ่งไปกว่านั้นหากต้องการฟังเพลงแบบไม่มีโฆษณาคั่นให้กวนใจ และโหลดเพลงเพิ่มได้แบบไร้อินเตอร์เน็ต เพื่อนๆ สามารถเลือกการสมัครแบบ VIP หรือหากไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายก็ทำได้โดยร่วมกิจกรรมกับทางJoox ก็สามารถรับสิทธิ์ VIP ฟังเพลงแบบฟรีๆ โดยไม่มีโฆษณามาขัดจังหวะแล้วค่ะ ดีขนาดนี้ต้องรีบโหลดมาใช้กันแล้วนะ

ข้อดีมีเพลงหลากหลายแนว แม้แต่เพลงสำหรับการออกกำลังกาย
และที่เหนือความคาดหมายอย่าง บทสวดมนต์
มีคาราโอเกะให้ร้องเพลงอวดเพื่อนๆ ชาว Joox ได้ด้วย
สามารถแชร์เนื้อร้องผ่านสตอรี่ และฟีดไอจีได้
และฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย ที่จะมีอัพเดตอยู่อย่างสม่ำเสมอ
สร้างเพลย์ลิสต์ไว้ฟังแบบออฟไลน์ได้
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
ข้อด้อยเพลงสากล หรือเพลงไทยยอดนิยมส่วนมากจะต้องสมัคร VIP
หรือแชร์เพลงลง Facebook เพื่อแลกสิทธิ์ VIP 24 ชั่วโมง
ค่าบริการ19 บาท / 1 วัน
55 บาท / 1 สัปดาห์
129 บาท / 1 เดือน
139 บาท / 1 เดือน (3 บัญชี)
279 บาท / 3 เดือน
509 บาท / 6 เดือน
990 บาท / 1 ปี
ช่องทางการดาวน์โหลด App Store (IOS), Play Store (Android)

2. Spotify

แอปพลิเคชันฟังเพลงที่ได้รับความนิยมรองลงมาคือ Spotify แอปที่รวบรวมเพลงหลากหลายสไตล์ รวมถึงพ็อดคาสหลายแนว หรือแม้แต่เสียงดนตรี: ธรรมชาติ, นั่งสมาธิ, ASMR และอื่นๆ ถ้าเพื่อนๆ ไม่ชอบอ่านหนังสือเท่าไหร่ Spotify เขามีหนังสือเสียงมาให้เพื่อนๆ เลือกฟังได้ด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นบทสัมภาษณ์ นิทาน เรื่องเล่าหลากหลายแบบ มีทั้งของไทย และต่างประเทศ เอาไว้ฟังแก้เหงา หรือฝึกภาษาก็ได้นะ

ข้อดีมีเพลย์ลิสต์ให้เลือกเยอะมากๆ ฟังได้ไม่ซ้ำ
ระบบจะช่วยสร้างเพลย์ลิสต์ให้เราอัตโนมัติ โดยอิงจาก
เพลงที่เราเข้าฟังบ่อย
สามารถเลือกฟังเพลงได้เอง โดยไม่จำกัดการกดข้าม (Skip)
โหลดมาฟังแบบออฟไลน์ได้
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
ข้อด้อยมีโฆษณามาคั่น สำหรับผู้ใช้ฟรี
ค่าบริการ13 บาท / 1 วัน
39 บาท / 1 สัปดาห์
129 บาท / 1 เดือน
199 บาท / 1 เดือน (6 บัญชี)
1,548 บาท / 1 ปี
ช่องทางการดาวน์โหลด App Store (IOS), Play Store (Android)

3. Apple Music

Apple Music แอปฟังเพลงจากทาง Apple โดยเฉพาะ โดยความดีงามของแอปพลิเคชันตัวนี้คือ ทางค่ายได้มีการลิงก์เพลงทั้งหมดที่อยู่ใน iTunes Store ที่เป็นแหล่งซื้อขายเพลงรายใหญ่ที่สุด พร้อมทั้งรายการวิทยุสดจาก DJ ชื่อดังมาจัดรายการ และเหมาะมากสำหรับเพื่อนๆ ที่อาจจะไปได้ยินเพลงที่อื่นมาแล้วชื่นชอบ หรือแม้แต่เพลงที่ร้องจนติดปาก แต่ไม่รู้จักชื่อเพลง หรือนึกเพลงไม่ออก ก็สามารถเสิร์ชหาเพลง โดยการพิมพ์เนื้อร้องลงไปได้เลย ระบบก็จะทำการค้นหามาให้เพื่อนๆ ได้ฟังอย่างง่ายๆ เลยค่ะ

ข้อดีถูกลิขสิทธิ์ 100 %
สามารถโหลดมาฟังแบบออฟไลน์ได้
ค้นหาเพลงจากเนื้อเพลงได้
รองรับอุปกรณ์ของ Apple ทั้งหมด
ทดลองใช้ฟรี 90 วัน
ข้อด้อยสายเพลงอินดี้จัดๆ อาจหาฟังไม่ได้จากแอปตัวนี้
เพราะว่าไม่ได้อยู่ในระบบของ iTuneStore
เพลงหายบ่อย
ค่าบริการ129 บาท / 1 เดือน
199 บาท / 1 เดือน (6 บัญชี)
1,300 บาท / 1 ปี
ช่องทางการดาวน์โหลด App Store (IOS), Play Store (Android)

4. YouTube Music

คงไม่มีใครไม่รู้จักเว็บไซต์ Youtube แต่หากเพื่อนๆ ต้องการฟังเพลงอย่างเดียว ทางยูทูปเขาได้ทำ Youtube Music มาให้โดยเฉพาะ มีศิลปินให้เลือกมากมาย รวมถึงเพลง Cover ก็มีให้เลือกฟัง อีกทั้งสามารถดู MV เพลงนั้นๆ ได้อีกด้วยนะ และพิเศษมากๆ สำหรับคนที่สมัคร Youtube Premium เพราะสามารถฟังเพลงได้อย่างมีความสุข โดยไม่มีโฆษณามาคั่นให้เสียอารมณ์ด้วย

ข้อดีฟังเพลงแบบไม่มีโฆษณาคั่น
ปิดจอได้ โดยเพลงยังคงเล่นอย่างต่อเนื่อง
เซฟวิดิโอดูแบบออฟไลน์ได้
ทดลองใช้งานฟรี 30 วัน
ข้อด้อยมีโฆษณาคั่น สำหรับคนที่ไม่ได้สมัครแบบ Premium
ไม่สามารถใช้ฟังก์ชันได้หลากหลายเท่าแบบพรีเมียม
ค่าบริการ129 บาท / 1 เดือน (Play Store,Website)
169 บาท / 1 เดือน (IOS)
199 บาท / 1 เดือน (Play Store, Website : แชร์ได้ 5 คน)
259 บาท / 1 เดือน (IOS : แชร์ได้ 5 คน)
ช่องทางการดาวน์โหลด Play Store (Android), App Store (IOS)

5. Soundcloud

เพื่อนๆ คนไหนที่ชื่นชอบการแต่งเพลง และร้องเพลง แต่ยังไม่มีที่ปล่อยของ แนะนำเลย แอปพลิเคชัน Soundcloud เราสามารถอัปโหลดเพลงของเราลงบน Sharing Platform ให้คนอื่นฟังได้ด้วย ดีไม่ดีอาจจะมีคนเห็นแววในตัวเรา แล้วเราได้ขึ้นไปเป็นศิลปินในอนาคตก็ได้นะ ในส่วนของเพลงในแอปตัวนี้ส่วนมากจะออกแนวเพลงสากลอินดี้ ที่เราสามารถฟังได้แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และเราอาจจะได้ฟัง Hidden Track จากศิลปินคุณภาพอีกด้วย จากแอปนี้เท่านั้น พิเศษมากๆ เลยค่ะ เราว่ามันคุ้มมากนะ สำหรับคนที่ชอบร้องเพลง แต่งเพลง ควรมี

ข้อดีมี Tag ในการค้นหาแนวเพลงที่ชื่นชอบ
สามารถอัพเพลงที่เราร้อง ลงบน Sharing Platform ได้
แนวเพลงอินดี้เยอะมาก
แชร์เพลงลงบนสตอรี่ไอจีได้
ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ข้อด้อยเหมาะกับคนฟังเพลงแนวสากลอินดี้มากกว่า
เพลงประเภท Cover, Remix เยอะกว่าเพลงต้นฉบับ
ค่าบริการฟรี
ช่องทางการดาวน์โหลด Play Store (Android)

6. TuneIn Radio

เพื่อนๆ ที่ชอบฟังเพลงตามวิทยุ เพราะต้องการความหลากหลาย หรือแนวเพลงใหม่ๆ ต้องโหลดแอปพลิเคชันตัวนี้ติดเครื่องไว้เลย เพราะ TuneIn Radio เป็นแอปพลิเคชันที่รวบรวมข่าวสารรายการวิทยุ AM และ FM จากต่างประเทศมากกว่า 100,000 สถานีทั่วโลก นอกจากนี้หากเพื่อนๆ อยากฟังเพลงหรือข่าวสารที่มีโฆษณาน้อยลงต้องเลือกสมัครเป็นสมาชิกค่ะ

ข้อดีมีข่าวสารอัปเดตสดใหม่ทุกวัน
ได้ฟังเพลงหลากหลายแนว
มีพ็อดคาสให้เลือกฟังหลายช่อง
ใช้สำหรับฝึกฟังภาษาอังกฤษได้ดี
ใช้งานง่าย
ข้อด้อยมีโฆษณาเยอะสำหรับผู้ที่เลือกใช้งานฟรี
ค่าบริการ360.60 บาท / เดือน (Play Store)
299 บาท / เดือน (App Store)
ช่องทางการดาวน์โหลด Play Store (Android) IOS (App Store)

7. Tidal

ถัดมาที่แอป Tidal จุดเด่นที่สุดของแอปพลิเคชันนี้ก็คือ “คุณภาพของเสียงแบบจัดเต็ม” โดยผู้สร้างแอปตัวนี้ได้ใช้เลือกไฟล์เพลงประเภท Loseless ที่จะให้เสียงที่คุณภาพสูงมากๆ เป็นไฟล์ที่ไม่มีการบีบอัดใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนซื้อแผ่นซีดีแท้มาเปิดฟังเลยล่ะ โดยที่ศิลปินส่วนมากจะเลือกปล่อยเพลงของตัวเองบนแอปพลิเคชันตัวนี้ก่อนเสมอ เนื่องจากเป็นเสียงที่ได้มาตรฐานที่สุด

ข้อดีมีเพลงสากลให้ฟังหลากหลายกว่า 70 ล้านเพลง
มีคอนเทนต์อัปเดตเกี่ยวกับศิลปินอยู่ตลอดเวลา
ไฟล์คุณภาพ Loseless
โหลดฟังแบบออฟไลน์ได้
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
ข้อด้อยมีแค่เพลงสากลเท่านั้น
ค่าบริการรายเดือนสูงถ้าเปรียบเทียบกับแอปอื่นๆ
ค่าบริการ179 บาท / เดือน
199 บาท / เดือน (แชร์ได้ 6 คน)
ช่องทางการดาวน์โหลด  Play Store (Android) App Store (IOS)

8. Fungjai

เพื่อนๆ คนไหนชอบฟังเพลงแนวอินดี้จัดๆ ต้องโหลดแอปตัวนี้ติดเครื่องไว้เลย เพราะเขาทำออกมาเพื่อคนรักเสียงเพลงแนวอินดี้จริงๆ โดยปัจจุบันมีเพลงมากกว่า 10,000 เพลงจาก 3,000 ศิลปิน แทบทุกค่าย อีกทั้งใช้งานง่ายมากๆ มีทั้งเพลงเก่า และเพลงใหม่ บางเพลงก็หาฟังได้ที่แอปนี้เท่านั้นด้วยนะ สายอินดี้ต้องจัดด่วนๆ

See Also

ข้อดีมีเพลงอินดี้ให้ฟังหลากหลายแนว
ไม่มีโฆษณาคั่น
ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ข้อด้อยเพลงสากลน้อยถ้าเทียบกับแอปฟังเพลงตัวอื่นๆ
ค่าบริการฟรี
ช่องทางการดาวน์โหลด  Play Store (Android), Apple Store (IOS)

9. Deezer

เป็นแอปพลิเคชันสตรีมมิ่งเพลง ที่มีเพลงมากกว่า 56 ล้านเพลงทั่วโลกมารวมอยู่ที่นี่ ความพิเศษของแอป Deezer คือผู้ที่สมัครสมาชิกแบบ Deezer Hifi จะได้ฟังเพลงด้วยไฟล์ Lossless ทุกเพลง เป็นไฟล์ที่เสียงดีที่สุดในบรรดาไฟล์เพลงทุกประเภทเลยนะ แล้วยังสามารถดาวน์โหลดเพลงมาฟังแบบออฟไลน์ได้อีกด้วย เสียงเพลงคุณภาพดี ฟังสนุก ต้องตำตัวนี้ด่วนๆ

ข้อดีมีฟีเจอร์ SongCatcher ช่วยค้นหาเพลงที่เราไม่รู้จัก
สมาชิก D-tac ใช้ฟรี
มีแจ้งเตือนเพลงใหม่ของศิลปินคนโปรดที่เราเลือกไว้
แชร์เพลงให้เพื่อนๆ ของเราหรือคนพิเศษฟังได้ด้วย
โหลดฟังแบบออฟไลน์ได้
ทดลองใช้ฟรี
ข้อด้อยมีโฆษณาคั่น สำหรับผู้ใช้บริการฟรี
เพลงไทยน้อย ไม่ค่อยหลากหลาย
ฟีเจอร์ต่างๆ น้อยมากถ้าเทียบกับแอปพลิเคชันฟังเพลงตัวอื่น
กดข้ามเพลงได้แค่ 6 เพลงต่อเดือนเท่านั้น
ค่าบริการ129 บาท / 1 เดือน (Premium)
199 บาท / 1 เดือน (แชร์ได้ 6 คน)
258 บาท / 1 เดือน (Hifi)
ช่องทางการดาวน์โหลด  Play Store (Android)

10. Audiomack

สายปาร์ตี้ เพลงสากลต้องจัดกับแอป Audiomack แอปพลิเคชันเพลงที่รวบรวมแนวเพลงสไตล์ ฮิปฮอป อิเล็กทรอนิกส์ เร็กเก้ และแดนซ์ฮอล มารวมตัวกันที่นี่ เป็นเพลงแนวสนุก มันส์ เปิดสังสรรค์ในงานปาร์ตี้ได้อย่างสบายๆ รวมถึงเพลงสากลฮิตๆ ก็มีมาให้ในแอปนี้ เรียกได้ว่าถูกอกถูกใจเพื่อนสายตี้แน่นอน

ข้อดีเพลงสากลเป็นส่วนมาก
สามารถดาวน์โหลดเพลงที่ชอบมาฟังแบบออฟไลน์ได้
แนวเพลง ฮิปฮอป อิเล็กทรอนิกส์ เร็กเก้ และแดนซ์ฮอล
ไม่ต้องสมัครก็สามารถฟังได้
ข้อด้อยเพลงไทยน้อยมาก
มีโฆษณาคั่นสำหรับคนที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ค่าบริการ150 บาท / เดือน
ช่องทางการดาวน์โหลด  Play Store (Android)

11. Whim Music

อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่จ่ายค่าบริการบนแอปพลิเคชัน Youtube ไม่ไหว เพราะ Whim Music เขาเป็นแอปที่สามารถโหลดเพลงจากช่อง Youtibe มาฟังได้ อีกทั้งไม่ต้องเปิดหน้าจอทิ้งไว้ให้เปลืองแบตเตอรี่ด้วยนะ นอกจากนี้ยังสามารถฟังพ็อดคาสได้หลากหลายด้วย แต่อาจจะไม่มากเท่า Spotify ค่ะ แนวเพลงสากล ไทย มีครบหมดค่ะ

ข้อดีมีแนวเพลงหลากหลาย
โหลดเพลงจาก Youtube มาฟังในแอปนี้ได้ แบบปิดจอ
สามารถกำหนดเวลาให้เพลงปิดเองได้
ข้อด้อยไม่มีให้บริการบน IOS
มีโฆษณาคั่นสำหรับผู้ใช้บริการที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ค่าบริการ90-125 บาท / เดือน
ช่องทางการดาวน์โหลด  Play Store (Android)

12. 4Shared

4Shared เว็บไซต์ดาวน์โหลดเพลงยอดฮิตลงบนเครื่อง MP3 หรือแม้แต่ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันทางผู้ผลิตได้มีการพัฒนามาเป็นแอปพลิเคชันที่หาโหลดได้ง่ายๆ ผ่านแอป Play store สำหรับสมาร์ตโฟนระบบแอนดรอยด์ และIOS เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้อย่างครอบคลุม เพราะนอกจากจะดาวน์โหลดเพลงเอาไว้ฟังแบบออฟไลน์ได้แล้ว ยังสามารถฝากไฟล์รูปภาพ วิดิโอ หรือแม้แต่เอกสารต่างๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน

ข้อดีโหลดเพลงไว้ฟังออฟไลน์ได้ทั้งในคอมพิวเตอร์ และสมาร์ตโฟน
สามารถเก็บไฟล์ได้หลากหลาย ไฟล์รูปภาพ วิดิโอ และเอกสารต่างๆ
ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ข้อด้อยพื้นที่การใช้งานไม่เยอะมาก
มีโฆษณา
ค่าบริการฟรี
ช่องทางการดาวน์โหลด Play Store (Android) App Store (IOS)

และทั้งหมดนี้เป็นแอปพลิเคชันฟังเพลงที่มีคนโหลดใช้กันมากที่สุด แอปบางตัวเพื่อนๆ อาจจะคุ้นเคยบ้าง แต่มันก็อาจจะมีบางตัวที่เพื่อนๆ ยังไม่รู้จัก พี่อะเครุอยากให้ลองไปหาโหลดเอาไว้ติดเครื่องกันนะ เพื่อที่เพื่อนๆ จะได้สร้างเพลย์ลิสต์เพลงโปรด เอาไว้ฟังแก้เบื่อได้ยังไงละ สุดท้ายอยากฝากว่า ถ้าเพื่อนๆ รู้จักสไตล์แนวเพลงที่ตัวเองชอบด้วยก็จะยิ่งดี เพราะแอปพลิเคชันฟังเพลงบางตัว สไตล์เพลงมันไม่ได้ตอบโจทย์เราขนาดนั้น พี่อะเครุหวังว่าบทความนี้ และข้อมูลทั้งหมดที่ได้รวบรวมมา จะเป็นแนวทางในการช่วยเพื่อนๆ ตัดสินใจดาวน์โหลดแอปพลิเคชันฟังเพลงที่ใช่ เอาไปฟังให้หนำใจเลยค่ะ

View Comments (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published.

CAPTCHA


Scroll To Top