สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องสำอางค์ราคาไม่แพงแต่มีคุณภาพเทียบเท่ากับสินค้าระดับ High-end ต้องห้ามพลาดกับ 15 ประเภทเครื่องสำอางค์ที่เราจะมาจำแนกแยกแยะให้ฟังกันค่ะ
1.Eye shadow Palette ระหว่าง Sephora กับ e.l.f.
คงไม่ต้องบอกว่าอายแชร์โดว์ของ Sephora Moonshadow Baked Palette นั้นเหมาะสำหรับผู้ที่มีใจรักการแต่งหน้าม๊ากมาก ด้วยสีที่ดูแวววับเป็นประกายแถมยังปกปิดได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย ราคาของสินค้าชิ้นนี้ก็จะตกอยู่ที่ราคา 26 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ 945 บาทนั่นเอง แต่ถ้าหากใครกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายก็ลองหันมาดู Baked Eyeshadow Palette in California จากทางฝั่ง e.l.f. กันดีกว่าเพราะมีราคาเพียง 10 ดอลลาร์หรือ 363 บาทเท่านั้น!! แต่ได้ทั้งระดับ คุณภาพและสีที่เหมือนกันเลยแหละ
2.Gel eyeliner ระหว่าง Bobbi Brown กับ Maybelline
อายไลเนอร์แบบเจลที่เขียนง่ายและเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้งานบ่อยๆ ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่มีความชำนาญในการแต่งหน้า ถึงแม้ว่า Long-Wear Gel Eyeliner ของ Bobbi Brown จะมีคุณภาพเยี่ยมแต่ราคาก็สูงถึง 25 ดอลลาร์หรือเท่ากับ 909 บาทต่อขวด 0.1 ออนซ์ และเมื่อลองเช็คราคาสินค้าอย่าง Eye Studio Lasting Drama Gel Eyeliner ของ Maybelline แล้วมีราคาเพียงแค่ 10 ดอลลาร์หรือ 362 บาทเท่านั้น แม้ว่าสีของทั้ง 2 แบรนด์จะไม่ได้ต่างกันมาก แต่มันก็เป็นถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลยแหละสำหรับคนที่ต้องการประหยัดงบประมาณแต่ก็ต้องการลุคที่ดูเฉี่ยว
3.Face Primer ระหว่าง Smashbox กับ Monistat (มันใช่จริงๆ หรอ!)
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า Monistat Chafing Relief Gel เป็นไพรเมอร์ที่ดีกับหน้าของเราพอๆ กับ Smashbox’s Photo Finish Primer เลยแหละค่ะ ไม่เพียงเฉพาะทั้ง 2 แบรนด์จะมีส่วนประกอบในการทำงานบนผิวหน้าได้แบบเดียวกัน เพราะในความเป็นจริงแล้วก็มีสิ่งที่ไม่เหมือนกันอยู่ นั่นก็คือ ไพรเมอร์ของ Smashbox ราคาเกือบจะ 40 ดอลลาร์ แต่ในขณะที่ Monistat นั้นราคาต่ำกว่า 10 ดอลลาร์เลย ก็อยู่ที่ผู้ใช้ว่าจะชอบแบบไหน ยึดติดกับแบรนด์หรือเปล่าเวลาที่เราหยิบมันออกมาจากกระเป๋าแต่งหน้าของเราแค่นั้นเองค่ะ
4.Blending Sponge ระหว่าง Beautyblender กับ Quo
ถ้าหากคุณเป็นคนใช้เวลาไปกับการดูคลิปการสอนแต่งหน้าผ่านทาง YouTube ก็คงจะรู้จักฟองน้ำ Beautyblender เป็นอย่างดี แน่นอนว่ามันเป็นแค่แผ่นโฟม แต่มันสามารถทำให้คนที่ใช้ฟองน้ำนี้กลายเป็นช่างแต่งหน้าอาชีพได้เลย หลายๆ คนจึงยอมจ่ายเงินอย่างหนักถึง 20 ดอลลาร์เพื่อให้ได้ฟองน้ำชิ้นนี้มา นอกเสียจากว่าเราจะไปซื้อ Quo Blending Sponge ที่ราคาต่ำกว่า 5 ดอลลาร์อย่างแบรนด์ Quo ซึ่งเป็นบริษัทของแคนนาดา ดังนั้นคุณก็อาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่มสำหรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศก็ได้นะ
5.Foundation ระหว่าง MUFE กับ Revlon
สำหรับใครที่ชอบใช้รองพื้นของ Make Up For Ever’s Ultra HD ก็คงจะมีความประทับใจในเรื่องของการทำหน้าที่ปกปิดได้ดีไม่มีที่ติ ขึ้นชื่อเรื่องถ่ายรูปแล้วเป๊ะ!ราคาก็สูงไม่น้อยเลยทีเดียว แต่อย่างไรผู้ใช้ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับการปกปิดที่ไร้ที่ติเหมือนกับผลิตภัณฑ์ของ Revlon’s PhotoReady Airbrush Effect ซึ่งมีราคาเพียง 14 ดอลลาร์เท่านั้น เรื่องการติดทนของแต่ละแบรนด์ก็ต้องพิสูจน์กันอีกทีนะคะ ว่าแบบไหนจะเริ่ดกว่า
6.Powder ระหว่าง Bobbi Brown กับ NYX และ e.l.f.
Brightening Finishing Powder ของ Bobbi Brown (Porcelain Pearl) เป็นผลิตภัณฑ์ชั้นเยี่ยมที่จะทำให้ผิวของเราดูเปล่งประกาย แต่ด้วยราคา 52 ดอลลาร์ (1,887 บาท) จึงยากที่จะใช้เหตุผลมาตัดสินใจซื้อมันทันที ส่วน Radiant Finishing Powder ของ NYX ซึ่งใช้ได้ผลเหมือนกันด้วยราคาเพียง 9 ดอลลาร์ (326 บาท) เอง แต่ถ้ามันยังคงเกินงบประมาณของคุณอยู่อีกก็ลองดู E.l.f.’s Tone Correcting Powder จาก Studio line แทนก็ได้เพราะราคาเพียง 3 ดอลลาร์ (108 บาท) เท่านั้น
7.Brown Pencil ระหว่าง Anastasia Beverly Hills กับ NYX
เรื่องคิ้วๆ ที่หากเราต้องการความเป๊ะของคิ้วแล้วล่ะก็ แบรนด์ Anastasia Beverly Hills คือที่สุด โดยรุ่นล่าสุดที่กำลังเป็นที่นิยมเรียกว่า Brow Wiz และด้วยความที่มันมีคุณสมบัติเด่นที่เป็นดินสอเขียนคิ้วที่บางมากแถมยังมีขนแปรงที่นุ่มอีกด้วย แต่มีราคาอยู่ที่ 21 ดอลลาร์ ราคาอาจจะสูงไปสักหน่อยสำหรับบางคน แต่ถ้าหากใครที่ชอบดินสอเขียนคิ้วที่แปรงขนคิ้วนุ่มกว่าแถมราคาเพียง 10 ดอลลาร์ก็ลองพิจารณา Micro Brow Pencil ของ NYX แทนก็ได้ค่ะ
8.Liquid Highlighter ระหว่าง Benefit กับ e.l.f.
หากคุณกำลังมองหา Liquid highlighter อยู่ ก็ลองมอง High Beam ของ Benefit ดูค่ะ ด้วยสีชมพูกุหลาบ (Rosy pink) เพิ่มความเป็นประกายให้ลุคของเราดูซอฟท์และผิวดูเปล่งปลั่ง ออร่าพุ่ง High Beam มีราคา 26 ดอลลาร์ แต่เจ้า e.l.f. นั้นจะช่วยให้เราประหยัดเงินในกระเป๋าสตางค์ได้มากกว่าเพราะ Shimmering Facial Whip นั้นราคาเพียง 1 ดอลลาร์เท่านั้น! ด้วยสีอมชมพูประกายมุก (Lilac Petal) ซึ่งเป็นสีที่คล้ายกับสีของ High Beam ที่ยากมากที่จะบอกความแตกต่างของทั้งสองแบรนด์ ต้องลองทั้งสองเลยค่ะ เชียร์ !!
9.Blush ระหว่าง NARS กับ Milani
บลัชออนสี Orgasm ของ NARS เป็นไอเท็มแต่งหน้าที่สาวๆ หลายคนขาดไม่ได้ เพราะมันช่างสวยงามจริงๆ แต่น่าเสียดายที่สินค้ามหัศจรรย์นี้ทำให้เราต้องจ่ายเงินถึง 30 ดอลลาร์ และแบรนด์drug store อย่าง Milani ได้เสนอบลัชออนในราคาต่ำกว่า 10 ดอลลาร์แต่มีคุณภาพก็ไม่แพ้กันเลยทีเดียว โดยช่างแต่งหน้าชื่อดังได้แนะนำทั้งสี Dolce Pink และ Luminoso ที่เหมือนกับสีของ NARS Orgasm มากๆ แต่ในเรื่องของราคาก็ลองพิจารณาดูว่าแบบไหนที่จะเหมาะกับการใช้งานของเราได้ดีมากกว่านะจ๊ะสาวๆ !
10.Mascara ระหว่าง Too Faced กับ Rimmel
มาสคาร่า Better Than Sex ของ Too Faced ได้กลายเป็นรุ่นฮิตและเป็นที่ชื่นชอบของช่างแต่งหน้าภายในเวลาไม่นาน ด้วยความที่ทำให้ขนตาดูยาวงอน หนา มีวอลลุ่มแถมขนแปรงยังนุ่มเป็นพิเศษ แต่ถ้าใครคิดว่าราคา 23 ดอลลาร์นั้นสูงไปนิด ก็ลองดูมาสคาร่า Scandaleyes ของ Rimmel ที่ราคาเพียง 7 ดอลลาร์เท่านั้นซึ่งเป็นแบรนด์ drug store ที่จะไม่ทำให้เราอายเมื่อพูดถึงเลยทีเดียว ถูกและดีจ้า
11.Colored Lip Balm ระหว่าง Clinique กับ Revlon
Chubby Stick Moisturizing Lip Colour Balm จาก Clinique ราคาทั้งสิ้น 17 ดอลลาร์ เป็นลิปบาล์มที่บำรุงได้ดีแถมยังมีเฉดสีให้เลือกมากมาย แต่สำหรับลิปบาล์มที่ราคาต่ำกว่า 10 ดอลลาร์ที่มีความเหมือนกันอย่างผลิตภัณฑ์ Revlon ในชื่อที่เรียกว่า Color Stay Just Bitten Kissable Balm Stain ให้ผลลัพท์การใช้งานที่ดี ได้เทียบเท่าแบรนด์ไฮเอ็นท์เลยทีเดียว
12.Eyeshadow ระหว่าง Urban Decay กับ Makeup Revolution
อายแชโดว์ Naked จาก Urban Decay นั้นเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ขาดไม่ได้สำหรับสาวๆ ที่รักการแต่งหน้า โดยนำ3 ความแตกต่างมารวมกัน (Naked 1, Naked 2 และ Naked 3) ทั้งหมดมีสีสันที่ชัดเจนสวยงามเป็นที่ถูกใจของเหล่าสาวๆ อย่างมาก แต่ก่อนที่จะจ่ายเงิน 53 ดอลลาร์เพื่อซื้ออายแชโดว์ของ Urban Decay เรามาลองตรวจสอบราคาของจานสีอายแชโดว์ Iconic 3 จาก Makeup Revolution ซะก่อน เพราะราคานั้นน้อยกว่า 6 ดอลลาร์เชียวนะ เราจะเห็นว่าสีอายแชโดว์สวยงามมากแถมยังเป็นสีที่เหมือนๆ กัน ถ้าใครชอบความเงามากกว่าก็แนะนำ Iconic 3 ที่มีสีที่เงามากกว่าอายแชโดว์ระดับ High-end ค่ะ
13.Matte lipstick ระหว่าง MAC กับ Wet n Wild
ในระหว่างที่เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ลิปสติกเนื้อแมทก็เป็นสิ่งจำเป็น Matte Lip Collection ของ MAC ก็มีสีให้เลือกมากมาย ซึ่งลิปสติก MAC จะขึ้นชื่อเรื่องความอ่อนนุ่มต่อริมฝีปากและมีความคงทน ราคาแท่งละ 17 ดอลลาร์ และหากใครอาศัยอยู่ในอเมริกาก็สามารถไปที่ Walgreens เพื่อซื้อลิปในบริเวณที่เราอาศัยอยู่ และซื้อ MegaLast Lip Color ของ Wet n Wild ราคาอันละ 2 ดอลลาร์! โดยมีบางสีที่ตรงกัน อย่างในภาพนั้นเราจะเห็นว่า MegaLast สี Think Pink และ Angel ของ MAC นั้นเหมือนกันมากๆค่ะ
14. Eye Primer ระหว่าง Urban Decay กับ Wet n Wild
Eye Primer Potion ของ Urban Decay เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมนต์ขลังทำให้สีของอายแชโดว์ชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้อายแชโดว์มีพลังติดทนนานอย่างยอดเยี่ยมที่จะช่วยให้เราคีพลุคที่ดูเฉี่ยวได้ตลอดทั้งวันเลยค่ะ อายแชโดว์ไพรเมอร์ 1 ชิ้นราคา 20 ดอลลาร์ และอีกครั้งที่แบรนด์ Wet n Wild ได้ผลิต Take on the Day Eyeshadow Primer จาก Fergie ซึ่งมีราคาเพียง 5 ดอลลาร์แต่กลับมีคุณสมบัติที่พิเศษเช่นเดียวกับ Primer Potion เลยหล่ะค่ะ
15.Highlighting concealer ระหว่าง YSL กับ Maybelline
ที่มา: guff
หลงใหลในความเป็นญี่ปุ่น~ ชอบเล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ ยินดีที่ได้รู้จักนะ : )