กว่าจะได้คบกัน ต้องใช้เวลาศึกษาดูใจนานแค่ไหน ถึงจะเรียกใครสักคนว่าแฟนได้เต็มปาก แต่การจะรักษาความสัมพันธ์ของเธอและเขาไปหวานชื่น อยู่ด้วยกันอย่างที่เป็นอยู่ไปตลอดนั้น ต้องผ่านเรื่องยากมากมายที่เข้ามาในชีวิตและอาจทำให้เราหวั่นไหวจนต้องล่มความสัมพันธ์ครั้งนี้ไปอย่างน่าเสียดาย หากไม่อยากให้เขาเป็นเพียงอดีตที่ผ่านเข้ามาเหมือนคนที่เดินออกไปจากชีวิตเธอคนก่อน ลองโยน 6 สิ่งต่อไปนี้ทิ้งทีเถอะ!!
@soompi
ใคร. . . มากกว่า
@koreandramafashion
ความรักก็เหมือนการเล่นเกมนั่นแหละ เราต้องร่วมมือกันถึงจะแก้โจทย์ในแต่ละด่านได้ฉลุย การจดจำรายละเอียดเกี่ยวกับความทรงจำดีๆ ระหว่างกันถือเป็นเรื่องที่ดี แต่การจู้จี้จุกจิกทุกรายละเอียดมันช่างน่าเบื่อเป็นที่สุด ตราบใดที่เธอหรือเขายังมัวแต่คิดว่าใครทำงานบ้านหนักกว่ากัน เดือนนี้ใครหาเงินมาจ่ายรายจ่ายเสียเป็นส่วนใหญ่ หรือเรื่องราวอื่นๆ ที่นำไปสู่การมีปากเสียงกัน ก็ปล่อยวางมันบ้างเถอะ เพราะนับตั้งแต่วันที่คบกัน นั่นหมายความว่าเธอและเขายินดีที่จะเจอทุกข์สุขไปด้วยกัน เปลี่ยนจากคิดเล็กคิดน้อย มาให้กำลังใจ ดูแลใส่ใจอีกฝ่ายให้มากกว่าเดิมดีกว่า
ทำไมไม่เหมือนกับคนที่ผ่านมา
@likeseries
คนเราย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง จึงไม่แปลกที่การตัดสินใจสิ่งใดสิ่งหนึ่งมักเกิดการเปรียบเทียบ แต่ความรักไม่เหมือนการเลือกมหาวิทยาลัยที่ชอบ ที่ทำงานที่ใช่ บ้านที่ถูกใจ หรือรถยนต์ที่ตรงความต้องการ เพราะเราจะเลือกคนที่อยากเรียนรู้ตัวตนของเขาให้มากกว่าที่เป็นอยู่ หากเธอยังนั่งเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียระหว่างคนรักปัจจุบันกับความรักครั้งเก่าอยู่ละก็ ลองถอยห่างออกจากความสัมพันธ์ครั้งนี้ดีกว่าค่ะ เพราะไม่มีคำว่าดีที่สุดสำหรับความรัก ไม่มีถูกผิด มีแต่ว่าเราจะชอบไม่ชอบ ยอมรับหรือรับไม่ได้กับทุกอย่างที่เป็นเขา เมื่อเลือกจะเริ่มต้นกับใครแล้ว ก็ปล่อยรักครั้งเก่าให้จบอยู่ในอดีต หากเธอโอเคกับคนที่ผ่านมาจริง ทุกอย่างคงไม่เหลือแต่เรื่องในวันวานหรอกจริงไหม
ทำอะไร ที่ไหน กับ ใคร เมื่อไหร่
@dramafever
เพราะความสัมพันธ์ของคนเราไม่เหมือนการเข้าออกงานที่ต้องทำครบตามเวลา ยิ่งล่วงเวลามากเท่าไหร่ โอทีและโบนัสยิ่งเพิ่มขึ้น แต่นิยามเวลาในบริบทของคนเป็นแฟนกันมีเพียงแค่ “น้อยๆ แต่นานๆ” เธอและเขาไม่จำเป็นต้องเจอหน้าหรือตัวติดกันตลอดเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงหรอก ลองนึกถึงเวลาที่เธอเขียนบันทึกไดอารี่ก็ได้ สิ่งที่เขียนลงไปคงไม่ใช่กิจวัตรประจำวันตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอนว่าทำอะไรบ้างใช่ไหมล่ะ เพราะนั่นคงเป็นไดอารี่ที่น่าเบื่อสุดๆ แน่นอนว่าเธอคงบันทึกเรื่องราวสำคัญที่อยากจดจำลงไปในนั้น ทำให้ความรักเป็นเหมือนไดอารี่เล่มนึงสิ ไม่ต้องบันทึกทุกอย่างที่เจอในแต่ละวัน ไม่ต้องเขียนทุกวัน แต่เมื่อหยิบขึ้นมาแล้ว ต้องมีสิ่งพิเศษๆ มาแบ่งปันร่วมกันอยู่เสมอ
ก็แค่ขำๆ
@showwallpaper
ความรักไม่ใช่เรื่องล้อเล่น คนรักของเธอก็ไม่ใช่ของเล่นเหมือนกัน เพราะทุกคนมีอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด คำพูดประเภท “ก็แค่ล้อเล่น อย่าคิดมากไปเลย” ไม่ว่าจะเป็นการล้อเลียนรูปร่างหน้าตา หรือปมด้อยอื่นๆ ที่อีกฝ่ายไม่โอเคด้วย กวาดทิ้งออกไปจากสารบบความคิดเลยค่ะ โดยเฉพาะความคิดที่ว่าก็แค่พูดเล่นนั้น ถือว่าเป็นหลุมพรางที่ทำร้ายจิตใจคนรักมากกว่าคำพูดแรงๆ ที่ตั้งใจด่าตรงๆ เสียอีก หลายคนมักคิดว่าก็สนิทกัน จะพูดเล่นยังไงก็ได้ ไม่เห็นต้องโกรธเลย หากรักจะคบกันต่อ ก็ปิดตายความคิดนี้ไปเลยนะคะ เพราะยิ่งรักกันมากเท่าไหร่ เราต้องยิ่งเคารพและใส่ใจความรู้สึกของกันและกันให้มากเท่านั้น
มันเป็นเรื่องส่วนตัว
@yeppudaa
อะไรที่ทำให้เธอและเขาต่างตกลงคบกันเป็นแฟน…หน้าตา นิสัย ฐานะ ความสามารถ นอกจากที่เอ่ยมานี้ยังมีสิ่งที่มากกว่านั้น คนสองคนคบกันไม่ใช่เพราะพึงพอใจอีกฝ่ายอย่างเดียว แต่มันยังรวมไปถึงการเปิดโลกทั้งใบที่เคยเป็นของเธอและเขาเพียงคนเดียว แล้วให้อีกคนได้เข้ามาแบ่งปันทุกสิ่งทุกอย่างร่วมกัน ทั้งสุขทุกข์ ปัญหา ความไม่สบายใจ หรือเรื่องราวไม่ดีอะไรต่างๆ ที่ถ้าเก็บไว้คนเดียวแล้วมันรู้สึกแย่ ก็ระบายออกมาให้อีกฝ่ายได้รับฟัง คนรักของเราอาจไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด และอาจทำใจยอมรับความผิดพลาดที่อีกฝ่ายสารภาพมาได้ แต่เชื่อเถอะว่ามันดีกว่าเขามารู้ทุกอย่างด้วยตัวเองภายหลังแน่นอน
ต่อให้ตาย ก็ไม่ยอมลงให้หรอก
@taqorub
ต้องบอกว่าเป็นปัญหาโลกแตกจริงๆ สำหรับเรื่องความไม่ลงรอยระหว่างตัวเราเองกับพ่อแม่แฟน แม้รักกันแค่ไหน ฟันฝ่าอุปสรรคมากมายในชีวิตมาด้วยกันอย่างไร แต่มีไม่น้อยคู่ที่ต้องเลิกรากันไปเพราะคนในครอบครัวอีกฝ่ายไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของเราสองคน แน่นอนว่าในชีวิตจริง ทุกอย่างคงไม่จบลงอย่างมีความสุขเหมือนละครที่เราดูหรอก และมันก็ไม่มีสูตรสำเร็จที่จะเปลี่ยนความไม่ลงรอยนั้นได้เสมอไป ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มที่ตัวเองก่อนดีไหม ลองเปิดใจดู ไม่จำเป็นต้องฝืนทำดี แต่แค่ไม่ตั้งแง่ว่า “ชาตินี้ทั้งชาติ ฉันก็ไม่มีวันญาติดีกับพ่อแม่แฟน!
“ เพราะเราคงไม่มีทางเลี่ยงที่จะไม่เจอกับคนในครอบครัวอีกฝ่ายได้อย่างเด็ดขาด ในขณะเดียวกัน คนที่เราต้องอยู่ด้วยไปตลอดก็คือแฟนของเรา ไม่ใช่พ่อแม่แฟนเสียหน่อย
ไม่มีคำว่า “ง่าย” เลยใช่ไหมคะกับการรักษาความสัมพันธ์กับคนรักอย่างจริงจัง แต่มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้สำหรับความรักนะคะ เพราะหากเรากลัวที่จะเปลี่ยนแปลงหรือทำอะไรสักอย่างเพื่อคนรัก เราคงไม่ตัดสินใจเข้าไปทำความรู้จักคนที่ “ใช่” คนนั้นตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว จริงไหมคะ
การเดินทางที่ดีที่สุดของเราคือ อ่านหนังสือเยอะๆ เขียนหนังสือมากๆ เพราะการอ่านดับการเขียนเป็นเหมือนการสื่อสารกับมนุษย์คนหนึ่ง ที่ต่างต้องพูดและฟัง เพื่อแลกเปลี่ยนความคิด มุมมองใหม่ๆ