การออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร ไม่สามารถเผาผลาญไขมันได้ด้วยตัวของพวกมันเอง แต่มันเป็นสิ่งที่มากระตุ้นอวัยวะต่างๆ และต่อมที่ทำหน้าปล่อยฮอร์โมนเพื่อเผาผลาญไขมัน หากการออกกำลังกายและการอดอาหารไม่ได้นำไปสู่การลดน้ำหนักสำหรับคุณแล้วละก็ มันอาจมีสิ่งสำคัญที่ซ่อนอยู่ก็ได้
และด้านล่างนี้คือที่มาของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นโดยทั่วไปทั้ง 4 แบบค่ะ
1. Adrenal Body Type หรือรูปร่างแบบต่อมหมวกไต
ที่ด้านบนของไต จะมีอวัยวะที่เรียกว่าต่อมหมวกไตที่กำลังทำงานอยู่ โดยมันทำหน้าที่รับผิดชอบต่อปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อร่างกายเกิดความเครียด เมื่อต่อมหมวกไตของคุณถูกกระตุ้นมากเกินไป จะทำให้เกิดความไม่สมดุลและส่งผลต่อการทำงานต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงวงจรการนอนหลับและการตื่นด้วย ซึ่งอาจสร้างความลำบากเวลานอนหลับ ต่อมหมวกไตจะปล่อยฮอร์โมนความเครียดที่รู้จักกันในชื่อ คอร์ติซอล (Cortisol) ออกมา โดยมีการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการเพิ่มขึ้นของคอร์ติซอลสามารถเป็นสาเหตุของน้ำหนักเพิ่มขึ้นในช่วงกลางลำตัวหรือที่เรียกว่า ไขมันหน้าท้อง
หากคุณคิดว่าคุณอาจมีความผิดปกติเกี่ยวกับต่อมหมวกไต ให้คุณตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีวิธีทางธรรมชาติอีกมากที่ช่วยลดความเครียดและทำให้ระดับของคอร์ติซอลต่ำลง ยกตัวอย่างเช่นการเล่นโยคะและการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงเปลี่ยนการใช้ชีวิตของคุณ
อาการที่บอกถึงความผิดปกติของต่อมหมวกไตมีดังนี้
- มีไขมันสะสมบริเวณร่างกายส่วนบน
- ใบหน้าและคอกลม
- แขนและขาเล็ก
- ความดันเลือดสูง
- กล้ามเนื้อและกระดูกไม่แข็งแรง
- มีน้ำตาลในเลือดสูง
- มีอารมณ์หงุดหงิด โมโหง่ายหรือมีอาการซึมเศร้า
2. Liver Body Type หรือรูปร่างแบบตับ
การที่ตับทำงานอย่างเหมาะสมนั้นมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมและมีความสุข แต่เมื่อตับทำงานผิดปกติก็สามารถนำไปสู่น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นตรงบริเวณท้องได้ หรือที่หลายคนเรียกว่า “พุงโต พุงพลุ้ย” นั่นเอง คนที่มีร่างกายประเภทนี้อาจต้องพบกับปัญหาที่มีจากน้ำตาลในเลือดอย่างเบาหวาน ระดับคอเลสเตอรอลสูง และความดันโลหิตสูง นอกจากนี้การสะสมของสารพิษในตับยังสามารถทำให้เกิดอาการปวดข้อหรือข้ออักเสบ ภูมิแพ้ ปัญหาผิวหนัง และแม้กระทั่งเกิดกลิ่นตัว
โรคตับสามารถเกิดทางพันธุกรรม หรืออาจเกิดจากหลากหลายปัจจัยเช่น ไวรัสหรือการใช้แอลกอฮอล์ ความเสียหายต่อตับอาจเป็นผลให้เกิดรอยแผลและนานวันไปอาจนำไปสู่ภาวะไตวายที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากคุณสังเกตถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุตรงบริเวณท้อง ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจสภาพตับของคุณ คุณอาจต้องได้รับการล้างพิษตับก็ได้
3. Thyroid Body Type หรือรูปร่างแบบไทรอยด์
ต่อมไทรอยด์ควบคุมความเร็วในการใช้พลังงานของร่างกาย ไทรอยด์ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนที่ควบคุมการเผาผลาญอาหาร หากต่อมไทรอยด์ของคุณผิดปกติ คุณอาจสังเกตถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาโดยที่คุณไม่ได้เปลี่ยนแปลงการทานอาหารเลย ปัญหาไทรอยด์อาจทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย ผมร่วง และอุณหภูมิของร่างกายผิดปกติ ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยลงเป็นสาเหตุที่ทำให้ระดับพลังงานของคุณลดลง ดังนั้นคุณอาจรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่ตลอดเวลา
อาการไทรอยด์มีปัญหาจะค่อยๆ พัฒนาช้าๆ แต่ปัญหาไทรอยด์อาจทำให้ปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา โดยเฉพาะกับผู้หญิง ปัญหาที่เกี่ยวกับรอบเดือน ปัญหาการตั้งครรภ์ และปัญหาระหว่างตั้งครรภ์อาจเป็นผลมาจากปัญหาไทรอยด์ที่ยังไม่ได้รับการรักษา
สัญญาณของภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยลงมีดังนี้
– ท้องผูก
– กล้ามเนื้ออ่อนแรง
– น้ำหนักเพิ่มขึ้น
– ปวดข้อหรือกล้ามเนื้อ
– รู้สึกเศร้าหรือหดหู่
– ผิวซีดและแห้ง
– การเต้นของหัวใจช้าลง
– ผมแห้งและบาง
– หน้าบวม
– เสียงแหบ
4. Ovary Body Type หรือรูปร่างแบบรังไข่
ที่มา: davidwolfe
ปัญหากับรังไข่อาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณมีฮอร์โมนไม่สมดุล ไม่ว่าจะเป็นอาการก่อนการมีประจำเดือน (PMS) รอบเดือนหรือช่วงวัยหมดประจำเดือน ประจำเดือนไม่มาหรือคลาดเคลื่อนหรือท้องผูกกำเริบทั้งหมดนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนได้ คนที่มีร่างกายประเภทนี้อาจมีความอยากช็อคโกแลตหรือพวกผลิตภัณฑ์จากนม ความผิดปกติของรังไข่อาจนำไปสู่อาการวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืนและน้ำหนักเพิ่มบริเวณส่วนล่างของร่างกาย
ปัญหาเกี่ยวกับรังไข่อาจรวมถึงมะเร็งรังไข่ ซีสต์ที่รังไข่และภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ รังไข่หยุดทำงานก่อนวัย รังไข่บิดขั้ว รังไข่บิดตัว หากคุณพบอาการปวดรังไข่ และสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงของรอบเดือน หรือไม่สามารถบอกสาเหตุของน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นกับร่างกายช่วงล่างได้ คุณควรไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ รวมถึงการเปลี่ยนการทานอาหารก็อาจช่วยปรับสมดุลระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนของคุณได้
การทานอาหารให้ถูกต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการช่วยให้ร่างกายของคุณมีความสมดุล และยังช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย ดังนั้นเราควรหันมาทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพกันเถอะค่ะ
หลงใหลในความเป็นญี่ปุ่น~ ชอบเล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ ยินดีที่ได้รู้จักนะ : )