เชื่อว่าหลายๆ คนคงมีปัญหาอยู่ไม่น้อยในการเลือกชุดที่จะใส่เมื่อมีนัดเดต นัดรับประทานดินเนอร์ หรือต้องไปงานเลี้ยงสำคัญที่มีความเป็นทางการ อีเวนต์เหล่านี้ก็สร้างความกังวลในการเลือกชุดให้สาวๆ ไม่น้อยใช่ไหมว่า “ฉันจะแต่งยังไงให้เหมาะสม” “ฉันจะต้องเล่นใหญ่เบอร์ไหน” หรือ “ฉันควรใส่สีอะไร” วันนี้พี่อะเครุมี 8 ทริคแต่งตัวไปดินเนอร์ รวมถึงการรู้จัก Dresscode การแต่งกายว่าควรแต่งระดับไหน จะมีสไตล์ไหนโดนใจบ้าง ตามมาดูกันเลยยย
Dresscode คืออะไร
Dresscode คือ แนวทางกำหนดการแต่งตัวสำหรับงานต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานรู้ว่าจะต้องแต่งตัวระดับไหน Dresscode จะถูกแบ่งเป็นลำดับขั้น ซึ่งแต่ละลำดับขั้นจะมีความเป็นทางการแตกต่างกันตั้งแต่ทางการมากจนถึงทางการน้อย ซึ่งเราจะพบได้ในงานสำคัญต่างๆ โดยผู้จัดงานจะเขียน Dresscode สำหรับงานไว้ที่การ์ดเชิญก่อนที่จะให้การ์ดเชิญกับเราเพื่อไม่ให้ผู้เข้าร่วมงานแต่งตัวผิดธีมนั่นเอง โดยลำดับการแต่งตัวต่างๆ มีจะลำดับความเป็นทางการมากสุดไปน้อยสุดดังนี้
1. Formal / Black Tie / Black Tie Optional
Formal, Black Tie หรือ Black Tie Optional คือระดับ Dresscode ที่มีความเป็นทางการมากที่สุด มักพบเมื่อต้องไปงานสำคัญที่มีพิธีรีตอง ผู้หญิงจะต้องใส่ชุดราตรียาวกับรองเท้าส้นสูง แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นสีดำ จัดเต็มทั้งหน้าและผมเลยค่ะ ส่วนผู้ชายจะใส่ทักซิโด้และผูกหูกระต่ายค่ะ
2. Semi-Formal
Semi-Formal ลำดับขั้นนี้จะลดความเป็นทางการมาจากลำดับ Black Tie แต่ยังคงมีความเป็นทางการอยู่ เพราะอีเวนต์นั้นจะไม่มีพิธีรีตองมากมายจึงทำให้มีความเป็นทางการน้อยลงค่ะ ผู้หญิงสามารถใส่ชุดที่มีความยาวประมาณเข่ากับรองเท้าส้นสูง ไม่ต้องใส่ชุดราตรียาวลากพื้นแบบ Black Tie ส่วนผู้ชายจะลดลำดับจากทักซิโด้ลงมาเป็นชุดสูทกับเน็กไท
3. Business / Informal
สำหรับลำดับขั้นนี้ จะไม่เป็นทางการแล้วนะ แต่ยังคงเป็นลุคคุมโทน Business เน้นความเรียบหรูและดูสมาร์ทอยู่ ผู้หญิงสามารถใส่ชุดเดรสสั้นที่มีความยาวเหนือเข่า หรือใส่แยกชิ้นระหว่างเสื้อและกระโปรงได้พร้อมกับรองเท้าส้นสูงหรือรองเท้าส้นเตี้ยได้ ผู้ชายสามารถใส่สูทหรือแจ็คเก็ตกับกางเกงสแล็กได้
4. Smart Casual
ลำดับนี้มีอีกชื่อเรียกคือ Dressy Casual เป็นการผสมผสานกันระหว่าง Casual และ Business ทำให้ลุคโดยรวมไม่มีความเป็นทางการแต่ดูสมาร์ทและมีความสบาย ผู้หญิงสามารถใส่กางเกงสแล็กและใส่รองเท้าส้นเตี้ยหรือรองเท้าคัทชูพื้นแบนได้เลย ไม่ต้องใส่รองเท้าส้นสูง ส่วนผู้ชายสามารถใส่เสื้อเชิ้ตกับแจ็คเก็ตและกางเกงยีนส์สีเข้มหรือสแล็ก
5. Business Casual
Business Casual คือลุคที่คนส่วนใหญ่นิยมใส่ไปทำงานที่ออฟฟิศกัน โดยจะไม่ค่อยใส่เสื้อคลุม เสื้อเบลเซอร์ หรือแจ็คเก็ตคลุมทับ แต่จะใส่เป็นเสื้อเชิ้ตหรือเสื้อที่มีสไตล์พร้อมกับกางเกงสีอ่อนหรือกระโปรงก็ได้ รองเท้าสามารถใส่เป็นรองเท้าส้นแบนเพื่อความสะดวกสบายต่อการเดิน
6. Casual
Casual หรือที่คนไทยรู้จักกันว่าชุดลำลองนั่นเอง สำหรับ dresscode นี้ไม่มีอะไรมากนอกจากเน้นความสบายเป็นอันดับแรก ไม่มีความเป็นทางการใดๆ สามารถใส่เสื้อยืดคอกลม กางเกงผ้าสบายๆ หรือสแล็กได้ รองเท้าไม่จำเป็นต้องเป็นคัทชู อาจเป็นรองเท้าที่เปิดหน้าเท้าหรือส้นเท้า หรือรองเท้าผ้าใบก็ได้
8 ทริค แต่งตัวไปดินเนอร์ยังไงให้สะกดทุกสายตา
เรารู้จัก dresscode ต่างๆ กันไปแล้ว ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าแบบไหนเหมาะที่ใส่ไปดินเนอร์ เพราะว่าในร้านอาหารบางที่จะกำหนดการแต่งกาย บาง dresscode ก็ใส่ไปไม่ได้น้า ถ้าจะแต่งให้สวยหรูออร่าจับและเหมาะสมกับทุกร้าน พี่อะเครุคิดว่า Business / Informal เหมาะมากๆ เพราะว่ามีความสวยหรูแต่ไม่เป็นทางการจนเกินไป พร้อมทั้งยังสะดวกสบายต่อการลุก นั่ง เดิน หรือขยับตัวในช่วงรับประทานดินเนอร์ วันนี้พี่อะเครุมี 8 ทริค สำหรับแต่งตัวไปดินเนอร์ให้ปัง ออร่าจับ มาฝาก
1. ใส่เดรสสั้นสีดำเพื่อความเบสิกแต่แอบซ่อนความเซ็กซี่
2. ใส่เดรสสีขาวเพื่อเพิ่มออร่าและเพิ่มเครื่องประดับจะทำให้ลุคดูหรูและไม่จืดชืด
3. เดรสซาตินสีขาวเหมาะมากๆ สำหรับลุคน้อยแต่มากเรียบแต่โก้
4. เดรสสั้นสีแดงสำหรับใครที่อยากเพิ่มความโดดเด่นให้กับการรับประทานดินเนอร์
5. สีชมพูโทนเข้มเหมาะสำหรับลุคหวานๆ ไปดินเนอร์
6. ใส่สีกรมเพิ่มความสุขุมนุ่มลึก และเพิ่มขนเฟอร์และถุงน่องเพื่อให้ลุคดูหรูหราขึ้น
7. เดรสสั้นสีโทนเปลือกไข่สามารถใส่ได้เพื่อเพิ่มความละมุนให้กับลุคโดยรวม
8. เลือกค็อกเทลเดรสสีดำเนื่องจากเหมาะกับการดินเนอร์ในทุกสถานที่
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เรียกได้ว่าได้ความรู้และไอเดียครบถ้วนเลยในเรื่อง dresscode และชุดสำหรับใส่ไปดินเนอร์ไม่ว่าจะที่โรงแรม 5 ดาว หรือ ร้านอาหารแบบ Fine dining พี่อะเครุว่าไอเดียนี้สามารถช่วยสาวๆ ตัดสินใจเลือกชุดได้แน่นอนค่ะ ตอนนี้รีบไป CF ชุดและเตรียมตัวจองที่ในร้านอาหารกันได้เลย
Tripple B because it's unique. Enjoy watching sunset, dive into the world of art and let my soul sink into music.