หากคุณเป็นคนนึงที่มีความสนใจในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมญี่ปุ่น คุณก็คงจะคุ้นเคยกับคำว่า “คาวาอิ (kawaii)” เป็นอย่างดี แต่ถ้าคุณยังใหม่กับวัฒนธรรมแบบนี้และไม่เข้าใจในความน่ารักของมัน คุณคงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติมแล้วล่ะ
เราสามารถใช้คำว่า “คาวาอิ (kawaii)” ที่แปลว่า “น่ารัก (cute)” เพื่ออธิบายถึงสิ่งที่โดดเด่นและน่ารักในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ซึ่งในปัจจุบันคุณสามารถสังเกตเห็นมันได้จากผู้ที่สวมชุดมาสคอต หรือสวมใส่บิ๊กอาย แต่ที่จริงแล้วเราสามารถใช้คำๆ นี้ได้กับรถยนต์ เครื่องบิน หรือแม้กระทั่งโดนัทในญี่ปุ่น ส่วนในประเทศฝั่งตะวันตกที่เรามักจะใช้คำนี้เพื่ออธิบายถึงการแต่งคอสเพลย์ที่น่ารัก ขนม และอะไรก็ตามที่น่ารักในสายตาของผู้พบเห็น
source: fashonica.blogspot.com
ว่ากันว่าคำว่า “น่ารัก (cute)” เป็นคำที่บ่งบอกถึงวัยรุ่นที่มีความสดใสสมวัย แต่ถึงอย่างไรคำนี้ก็ไม่ได้มีความหมายเดียวกับคำว่า “อ่อนหวาน (sweet)”; สมัยก่อนคำว่าน่ารักมักเป็นคำที่ใช้ในการดูถูกคน ซึ่งมักจะใช้คำนี้กับคนที่มีฐานันดรต่ำกว่าเรา แต่ภายหลัง ผู้คนนิยมใช้คำนี้เป็นคำชมและคำนี้ก็ได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น ในช่วงกลางของยุค 80 สาวญี่ปุ่นมักใช้คำว่า “คาวาอิ” แทนคำว่าน่ารัก (pretty) หรือสวย (beautiful)
รูปภาพของ Rune Naito
หนึ่งในบุคคลมีชื่อเสียงทางประวัติศาสตร์ที่ทำให้คำว่า “คาวาอิ” เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกก็คือ Rune Naito เธอช่วยตีตลาดคำว่าคาวาอิผ่านการวาดภาพที่ตกแต่งด้วยความน่ารักและมีความโดดเด่น บ่อยครั้งที่เธอมักจะวาดตัวการ์ตูนหัวโตตัวเล็ก โดยเน้นโครงร่างให้เหมือนเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ นอกจากนี้ผลงานชิ้นแรกของเขาที่ปรากฏต่อสาธารณชนก็เป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นผู้หญิงญี่ปุ่น ผลงานศิลปะของ Rune Naito เตือนใจให้ผู้หญิงญี่ปุ่นระลึกถึงช่วงวัยรุ่นที่ผ่านมาแม้ว่าจะเป็นช่วยระยะเวลาสั้นๆ ให้วัยรุ่นมีแรงจูงใจที่จะพัฒนาประเทศของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
ผลงานการวาดภาพของ Masako Watanabe (ซ้าย)และ Macoto Takahashi (ขวา)
นอกจากนี้ยังมีศิลปินคนอื่นๆ ที่มีความโดดเด่นในด้านการวาดภาพสไตล์คาวาอิ ได้แก่ Masako Watanabe และ Macoto Takahashi ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในบทบาทของนักวาดภาพประกอบชื่อดังที่มีกลิ่นอายของความน่ารักและมีความใสบริสุทธิ์ แน่นอนว่าพวกเขาทำให้คำว่า “คาวาอิ” เติบโตขึ้นจากฉากของวัยรุ่นที่มีความน่ารักและออกแบบมันให้ห่างไกลจากความเป็นผู้ใหญ่มากๆ คำว่าน่ารักจึงสามารถหมายถึงความน่ารัก เซ็กซี่ รวมไปถึงการเป็นผู้ใหญ่ที่ยังไร้เดียงสาอีกด้วย
source: rebloggy.com
นอกจากนี้ยังมีสิ่่งที่น่าสังเกตได้อีกอย่างก็คือ ยังมีการ์ตูนญี่ปุ่นอื่นๆ ที่มีรากฐานในประวัติศาสตร์ถึงความคาวาอิ และคิดว่ามันอาจจะเป็นการ์ตูนที่คุณรู้จักกันดีอยู่แล้ว อย่างเช่น; ปิกาจู (Pikachu), เฮลโลคิตตี้ (Hello Kitty), เซเลอร์มูน (Sailor Moon) และแฮปปี้ทรีเฟรนด์ (Happy Tree Friends)
source: www.reddit.com
แน่นอนว่าตัวละครเหล่านี้ไม่เพียงแต่พบได้ในโทรทัศน์และภาพยนตร์เท่านั้น แต่คุณสามารถพบพวกมันได้แทบทุกที่ ซึ่งก็มีหลายบริษัทที่ผลิตสินค้าตามความชอบของบุคคลเฉพาะกลุ่ม อย่างเช่น บริษัทซาริโอ้ ที่ต้องทำหน้าที่ผลิตสินค้าสไตล์คาวาอิได้ตรงกับความต้องการของทุกเพศทุกวัย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าคุณจะพบผลิตภัณฑ์เฮลโลคิตตี้ออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องใช้ในครัวเรือน
source: www.aliexpress.com
ในขณะที่บางคนคิดว่าสิ่งของคาวาอิก็คือ ของเล่นหรือของตกแต่งบ้านเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วมันรวมไปถึง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายหรืออะไรก็ตามที่คุณคิดว่ามันคาวาอินั่นแหละ เสื้อผ้าสไตล์คาวาอิไม่ได้มีเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แต่มันก็มีในวัฒนธรรมตะวันตกด้วยเช่นกัน และแฟชั่นที่คาวาอิเป็นพิเศษก็มาในรูปแบบของเสื้อผ้าสไตล์โลลิต้า ซึ่งมันผสมผสานแฟชั่นได้ทั้งความหวาน (sweet) และความน่ารัก (cute) ส่วนใหญ่การแต่งกายสไตล์คาวาอิมักจะเน้นสีพาสเทล ภาพพิมพ์ลายดอกไม้ที่มีการจับคู่กับผ้าลูกไม้ ดังนั้นถ้าคุณแต่งตัวด้วยธีมคาวาอิอย่างถูกต้อง ก็จะทำให้คุณดูดีได้แน่นอน!
หลงใหลในความเป็นญี่ปุ่น~ ชอบเล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ ยินดีที่ได้รู้จักนะ : )