Now Reading
เปิดวาร์ป 12 เมนูขนมคลีน เอาใจสายรักสุขภาพ ทำง่าย Healthy เวอร์

เปิดวาร์ป 12 เมนูขนมคลีน เอาใจสายรักสุขภาพ ทำง่าย Healthy เวอร์

สวัสดีค่ะชาวอะเครุทุกคน ในช่วงโควิด-19 กำลังระบาดระลอกสองเช่นนี้ เชื่อว่าใครหลายๆ คนก็คงจะมีความกังวลเรื่องสุขภาพกันอยู่บ้างนะคะ เพราะจะออกไปไหน ไปหาอะไรอร่อยๆ ทานก็กลัวโควิด วันนี้พี่อะเครุเลยจะมาเอาใจสายคนรักสุขภาพด้วยการแนะนำ 12 เมนูขนมคลีน ทำง่าย Healthy เวอร์ มาฝากทุกคนกันค่ะ เอาไว้หัดทำทานเองได้ดูแลสุขภาพและห่างไกลโควิดอีกด้วยนะคะ

ขนมคลีน คืออะไร?

ขนมคลีน หรือ อาหารคลีน (Clean Food) คือ การทานอาหารที่ผ่านการปรุงแต่งรสด้วยสารเคมีให้น้อยที่สุด เช่น อาหารคลีนจะไม่มีรสชาติหวานเกินไป เค็มเกินไป หรือผ่านกระบวนการแปรรูปแบบหมัก ดอง พูดง่ายๆ ก็คือการทานอาหารที่เน้นสารอาหารและรสชาติจากวัตถุดิบนั่นเอง ซึ่งผู้คนที่ทานอาหารและขนมคลีนส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกลุ่มคนที่รักสุขภาพ หรือคนที่ต้องการลดน้ำหนักเป็นหลัก

ขนมคลีนช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร?

อย่างที่บอกไปบ้างบนว่า ขนมคลีนจะไม่เน้นการปรุงแต่งรสขนมด้วยน้ำตาล เนย นม เหมือนขนมปกติทั่วไป แต่จะเน้นความหวานของขนมจากวัตถุดิบหรือใส่สารให้ความหวานแทนน้ำตาล และสารให้ความหวานเหล่านี้ไม่ทำให้อ้วนนั่นเองค่ะ

12 เมนูขนมคลีนทำง่าย Healthy เวอร์

ก่อนอื่นพี่อะเครุขอบอกก่อนว่าทั้ง 12 เมนูขนมคลีน ที่นำมาฝากกันในวันนี้ เป็นเมนูที่เหล่ายูทูปเบอร์ได้ทำเอาไว้นะคะ ซึ่งแต่ละเมนูน่าทานและทำตามง่ายมากๆ อีกอย่างคลิปสอนก็ดูแล้วเข้าใจง่ายอีกด้วย เหมาะสำหรับสาวๆ มือใหม่หัดเข้าครัวแบบสุดๆ ไปเลยค่ะ

1. ขนมกล้วยไร้แป้ง (สูตรนึ่ง)

เมนูนี้เป็นเมนูขนมไทยจากกล้วย ที่ทำตามง่ายมากๆ เพียงแค่มีหม้อนึ่ง และใช้เวลาทำเพียงแค่ 15-20 นาทีเท่านั้นเองค่ะ

ส่วนผสม:

  • กล้วยน้ำว้า 8-9 ลูก
  • กลิ่นวานิลลา 1/4 ช้อนชา
  • ข้าวโอ๊ตปั่นละเอียด 50 กรัม
  • งาขี้ม่อนคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ:

  1. บดกล้วยให้ละเอียด และนำส่วนผสมทั้งหมดตามสูตรมาผสมกัน
  2. จากนั้น นำไปนึ่ง 15-20 นาทีก็จะได้ขนมอร่อยๆ มาทานแล้วล่ะค่ะ

2. ชีสเค้กคลีน

เป็นเมนูขนมยอดฮิตในตอนนี้กันเลยก็ว่าได้ สำหรับขนมชีสเค้ก แต่แหม…การไปซื้อทานตามร้านทั่วไปอร่อยก็จริงๆ แต่คนที่กำลังลดน้ำหนักอยู่อาจจะไม่ปลื้มแน่ๆ ซึ่งสูตรนี้จะทำให้เพื่อนๆ ได้ทานขนมอร่อยๆ แบบไม่ต้องกลัวอ้วน โดยความพิเศษคือจะใช้หม้อทอดในการทำนั่นเอง

ส่วนผสม:

  • โยเกิร์ต 120 กรัม
  • น้ำผึ้ง
  • ข้าวโอ๊ตปั่น 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ:

  1. นำส่วนผสมทั้งหมดผสมให้เข้ากัน แล้วเทลงบนถ้วยพิมพ์
  2. จากนั้นนำใส่หม้อทอดไร้น้ำมันด้วยอุณหภูมิ 160 องศา นาน 15 นาที
  3. พอเสร็จแล้วก็นำไปแช่เย็น พร้อมรับประทานได้เลย

3. บราวนี่ฟักทอง

เมนูนี้อาจจะยากขึ้นมาสักหน่อยนะคะ และเพื่อนๆ จะต้องใช้เตาอบในการทำเมนูนี้ แต่บอกเลยว่าเมนูนี้ อร่อยอีกทั้งอุดมไปด้วยวัตถุดิบเพื่อสุขภาพทั้งนั้นเลยค่ะ

ส่วนผสม:

  • ฟักทองนึ่งสุกแล้วบด 1.5 ถ้วยตวง
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • นมจืด 125 ml
  • โยเกิร์ต 3 ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
  • น้ำเชื่อมหญ้าหวาน 1 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วยตวง
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา
  • น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ
  • เมล็ดฟักทองและอัลมอนด์เอาไว้โรยหน้าขนม

วิธีทำ:

  1. นำฟักทองนึ่งสุกไปบด แล้วนำไปผสมกับส่วนผสมอื่นๆ ให้เข้ากัน
  2. เทลงบนถ้วยพิมพ์ โรยหน้าขนมด้วยเมล็ดฟักทองและอัลมอนด์
  3. จากนั้นนำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 190 องศา ใช้เวลาอบประมาณ 50 นาทีหรือน้อยกว่านั้นแล้วแต่ความชอบว่าต้องการเนื้อแป้งที่แห้งขนาดไหน

4. เค้กกล้วยหอมคลีน

เมนูนี้เน้นรสชาติขนมจากวัตถุดิบแบบล้วนๆ เลยนะคะ เพราะไม่มีการเติมแป้งหรือน้ำตาลแม้แต่น้อย เอาใส่สาวๆ ที่อยากทานขนมแต่กลัวอ้วนเป็นที่สุด

ส่วนผสม:

  • ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วยตวง แบบเนื้อละเอียด
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • กล้วยหอม 1 ผล
  • นมอัลมอนด์
  • เมล็ดฟักทอง อินทผลัม และ กราโนล่า (สำหรับโรยหน้าขนม)

วิธีทำ:

  1. นำกล้วยหอมไปบดและไปผสมกับส่วนผสมอื่นๆ ให้เข้ากัน
  2. จากนั้นพักส่วนผสมทิ้งไว้ 20 – 30 นาที
  3. แล้วเทลงบนถ้วยพิมพ์นำเข้าหมอทอดไร้น้ำมันด้วยอุณหภูมิ 180 องศา นาน 15 นาที

5. บราวนี่มันม่วง

เมนูนี้ทำง่ายๆ แต่อร่อยสุดๆ เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ทำขนม เพราะเมนูนี้ใช้แค่ตู้เย็นในการแช่ขนมให้เซตตัวเท่านั้นเอง

ส่วนผสม:

  • อินทผลัม 50 กรัม (แช่น้ำ 30 นาที)
  • อัลมอนด์ 30 กรัม
  • งาขาวและงาดำคั่ว อย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ
  • มันม่วง 100 กรัม
  • เนยถั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • ดาร์กช็อกโกแลต 30 กรัม (นำเข้าไมโครเวฟให้ละลาย)
  • กะทิ 1/4 ถ้วยตวง

วิธีทำ:

  1. นำอัลมอนด์ งาดำ งาขาวคั่วไปปั่นให้ละเอียด
  2. และนำอินทผลัม มันม่วงไปปั่นให้ละเอียด
  3. นำทั้งสองส่วนผสมที่ปั่นแล้วมาผสมให้เข้ากัน
  4. จากนั้นเทลงพิมพ์และนำไปแช่ตู้เย็น 1 ชั่วโมง
  5. นำมันม่วงส่วนที่เหลือไปบดผสมกับกะทิ แล้วเทลงบนถ้วยพิมพ์บราวนี่ที่แช่ทิ้งไว้
  6. ตกแต่งหน้าขนมด้วยอัลมอนด์และงา
  7. จากนั้นก็นำไปแช่ตู้เย็นอีก 1 ชั่วโมงให้ขนมเซตตัวเป็นอันเสร็จเรียบร้อย

6. Granolar Bar

อีกหนึ่งเมนูที่ทำง่ายมากๆ เพียงแค่ใช้ตู้เย็นเท่านั้น แต่ยังเป็นเมนูที่สามารถทำแล้วพกออกไปทานเพื่อเพิ่มพลังระหว่างวันได้อีกด้วย หรือจะทำขายก็ดีนะคะ

ส่วนผสม:

  • อัลมอนด์ 120 กรัม
  • ถั่วพิสตาชีโอ 65 กรัม
  • มะม่วงหิมพานต์ 70 กรัม
  • เมล็ดฟักทอง 70 กรัม
  • งาขาว 30 กรัม
  • น้ำตาลทรายเเดง 100 กรัม
  • น้ำมันมะพร้าว 30 กรัม
  • น้ำผึ้ง 120 กรัม

วิธีทำ:

  1. นำส่วนผสมแห้งทั้งหมดมาผสมกัน
  2. นำน้ำตาลทรายแดง น้ำผึ้ง น้ำมันมะพร้าวไปเคี่ยวในไฟอ่อนให้ละลาย
  3. จากนั้นนำไปเทลงในส่วนผสมแห้งคนให้เข้ากันและเทลงพิมพ์
  4. นำไปแช่ตู้เย็นจนขนมเซตตัว และตัดเป็นชิ้นขนาดตามต้องการ

7. คุกกี้ข้าวโอ๊ต

เมนูนี้อาจจะทำยากสักหน่อย แต่รับรองอร่อยแน่ๆ เพราะถือเป็นขนมสุดฮิตตลอดกาล ทานเล่นๆ ก็อร่อย ทานกับกาแฟก็เวิร์คมากๆ เลย

ส่วนผสม:

  • กล้วยหอมสุก 1 ลูก
  • ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วยตวง
  • ไข่ 1 ฟอง
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  • น้ำมันมะพร้าว
  • อัลมอนด์
  • ช็อกโกแลตชิพ
  • ถั่วลิสงคั่ว

วิธีทำ:

  1. นำกล้วยไปบด ตอกไข่ผสมในกล้วยที่บดแล้ว
  2. ใส่ข้าวโอ๊ต เกลือ ผงฟู ตามด้วยน้ำมันมะพร้าว อัลมอนด์สับหยาบ ช็อกโกแลตชิพ และคนทุกอย่างให้เข้ากัน
  3. จากนั้นตักเป็นก้อนวางบนถาดอบ และนำไปอบที่อุณหภูมิ 170 องศา นาน 15 นาที
  4. เมื่อครบเวลาแล้ว ให้นำขนมออกจากเตาอบ และทิ้งไว้ให้เย็น
  5. นำเข้าเตาอบอีกครั้งด้วยอุณหภูมิ 140 องศา นาน 15 นาที

8. เค้กธัญพืช

อีกหนึ่งเมนูเอาใจเพื่อนๆ ที่ไม่มีเตาอบขนม เพราะสูตรนี้จะทำด้วยกระทะนั่นเอง เรียกว่าไม่ยาก อร่อย และเพื่อสุขภาพสุดๆ

ส่วนผสม:

  • กล้วยหอม 1 ผล
  • ฟักทองนึ่ง 200 กรัม
  • ข้าวโอ๊ต 100 กรัม
  • น้ำนมถั่วเหลือง 50 ml
  • ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • เมล็ดธัญพืชสำหรับโรยหน้าตามชอบ

วิธีทำ:

  1. นำกล้วยหอมและฟักทองนึ่งไปบดแล้วแบ่งออกพักไว้ส่วนหนึ่ง
  2. และนำเหลือไปผสมกับวัตถุดิบที่เหลือให้เข้ากัน
  3. จากนั้นเทลงบนกระทะที่เทน้ำมันไว้บางๆ
  4. เทกล้วยกับฟักทองบดที่แบ่งไว้ตอนแรก ลงข้างบนเพื่อให้ขนมมีสีที่น่าทานมากขึ้น
  5. จากนั้นปิดฝากระทะเปิดไฟอบด้วยไฟอ่อนนาน 20 นาที

9. มัฟฟินกล้วยหอม เนยถั่ว

ถือเป็นเมนูที่เอาใจสายคนรักขนมช็อกโกแลตมากๆ เลยนะคะ เพราะนอกจากจะอร่อยถูกปากแล้วยังมีแคลอรี่ที่ต่ำ ไม่อ้วนแน่นอน

ส่วนผสม:

  • กล้วยหอม 1 ลูก
  • ผงฟู 1/4/ ช้อนชา
  • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
  • น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • เนยถั่ว 1/2 ถ้วย
  • ช็อกโกแลตชิพ 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ:

  1. นำกล้วยหอมไปบดให้ละเอียด
  2. จากนั้นใส่ผงฟู กลิ่นวานิลลา น้ำผึ้ง ไข่ไก่และคนให้เข้ากัน
  3. ใส่เนยถั่วคนให้เข้ากันอีกที
  4. เทลงบนพิมพ์เตาอบโรยหน้าด้วยช็อกโกแลตชิพ
  5. นำไปอบที่อุณหภมิ 200 องศา นาน 10 – 15 นาที

10. บานาน่า บอล

ถือเป็นเมนูขนมยอดฮิตสำหรับคนที่รักสุขภาพกันอย่างมาก เพราะนอกจากจะทำให้อิ่มท้องแล้ว ยังให้พลังงานเยอะสุดๆ เหมาะสำหรับพกออกไปทานระหว่างวัน และทานตอนออกกำลังกายมากๆ

See Also

ส่วนผสม:

  • กล้วยน้ำว้าสุก 2 ลูก
  • ข้าวโอ๊ตปั่นละเอียด 1 ถ้วยตวง
  • ถั่วลิสงคั่ว 1 ถ้วยตวง
  • มะพร้าวขูด 50 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา
  • น้ำเชื่อมหญ้าหวาน 1 ช้อนชา
  • น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา

วิธีทำ:

  1. นำส่วนผสมทั้งหมดไปปั่นให้ละเอียด
  2. ปั้นเป็นลูกกลมๆ แล้ววางบนถาดอบ
  3. จากนั้นนำเข้าเตาอบ อุณหภูมิ 150 องศาอบที่ไฟล่าง 10 นาที และไฟบน 10 นาที หรือเอาเข้าไมโครเวฟ 3 นาที

11. โยเกิร์ตเค้กหน้าไหม้

แค่เห็นชื่อเมนูก็ต้องร้องว้าว! ก็แหมใครจะไปคิดว่าเมนูขนมสุดฮิตอย่าง โยเกิร์ตเค้กหน้าไหม้จะมาเป็นขนมคลีนได้ แบบนี้ต้องห้ามพลาดเมนูนี้เลยนะคะ

ส่วนผสม:

  • กรีกโยเกิร์ต ใช้ 300 กรัม
  • หญ้าหวาน 1 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ เบอร์สอง 3 ฟอง
  • แป้งโฮลวีตละเอียด 30 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา

วิธีทำ:

  1. นำกรีกโยเกิร์ตคนเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่หญ้าหวาน ไข่ไก่ ใส่แป้งโฮลวีตแบบละเอียด
  2. ใส่กลิ่นวานิลลาคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
  3. เทส่วนผสมใส่พิมพ์ที่รองด้วยกระดาษรองอบ
  4. นำพิมพ์ไปเคาะกับพื้น เพื่อไล่อากาศออกก่อน แล้วนำเข้าหม้อทอดที่อุณหภูมิ 180 องศา นาน 30 นาที
  5. และอบอีกครั้งตามด้วยอุณหภูมิ 160 องศา นาน 15 นาที
  6. จากนั้นพักจนเย็น 1 -2ชั่วโมง
  7. ใช้แรปปิดขนมให้สนิทกันอากาศเข้าและแช่เย็น 1 คืน หรือ เอาเข้าช่องแช่แข็ง 2 ชั่วโมง

12. ทาร์ตโยเกิร์ตผลไม้รวม

มากันที่เมนูสุดท้ายที่เอาใจสายคนรักผลไม้ เพราะเมนูนี้เพื่อนๆ สามารถเลือกผลไม้ได้เองตามใจชอบ ทานแล้วอร่อยแถมยังได้ความสดชื้นจากผลไม้อีกด้วย

ส่วนผสม:

  • ข้าวโอ๊ต
  • น้ำผึ้ง
  • อัลมอนด์
  • โยเกิร์ต
  • ผลไม้ตามใจชอบ

วิธีทำ:

  1. นำอัลมอนด์ ข้าวโอ๊ตไปปั่นแบบไม่ต้องละเอียดมาก
  2. จากนั้นนำมาผสมให้เข้ากันและใส่น้ำผึ้งทยอยใส่ให้ได้เนื้อขนมแบบไม่ร่วน หรือไม่เหนียวเกิน
  3. จากนั้นตักใส่ถ้วยพิมพ์แล้วกดให้แน่นเป็นทรงถ้วย
  4. แล้วนำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 150 องศา นาน 5-7 นาที
  5. เสร็จแล้วพักไว้ให้เย็นและแกะออกจากพิมพ์
  6. ใส่โยเกิร์ตและแต่งหน้าด้วยผลไม้ตามใจชอบ

แนะนำ 5 ร้านขนมคลีนในไอจี

หลังจากที่เราแนะนำ 12 เมนูกันไปแล้ว ตอนนี้พี่อะเครุก็ขอเปิดวาร์ป 5 ร้านขนมคลีนในไอจีกันบ้างนะคะ เอาใจคนที่ทำอาหารไม่เก่งแต่อยากทานขนมคลีนอร่อยๆ ถ้าพร้อมแล้วเรามาดูกันเลยดีกว่าค่ะ

1. ร้าน Aroii__lowfat

ร้านนี้มีขนมให้เลือกมากมายหลายชนิดเลยนะคะ มีทั้งแบบที่พร้อมส่งหรือแบบที่ต้องสั่งทำล่วงหน้า เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งร้านดังในไอจีกันเลยก็ว่าได้ค่ะ

2. ร้าน Sprouted_seeds

อีกหนึ่งร้านดังในไอจี ร้านนี้เค้าเคลมเลยว่า คัดสรรวัตถุดิบมาอย่างดี ทุกอย่างที่เลือกใช้มาทำอาหารคือเกรดพรีเมียมทั้งหมด มั่นใจได้เลยว่า อร่อยและสุขภาพแข็งแรงอย่างแน่นอนค่ะ

3. ร้าน Skinnylicious.bkk

อีกหนึ่งร้านที่บอกเลยว่าขนมแต่ละอย่างคือ อร่อยทุกเมนู โดยเฉพาะเมนูช็อกโกแลตนี่ก็ต้องยกนิ้วให้เลยค่ะ ร้านนี้มีหน้าร้านอยู่ที่ Central Lardprao, Paragon ชั้น G, Emquartier ชั้น G หรือสั่งออนไลน์ก็ได้นะคะ

4. ร้าน Wonderfulangelshop

ร้านนี้นอกจากจะมีเมนูขนมหวานแล้ว ใครที่ชอบทานน้ำพริกก็ห้ามพลาดเลยค่ะ เพราะเค้ามีน้ำพริกคลีนขายด้วยนั่นเอง แบบนี้สายคนรักสุขภาพต้องกด Bookmark ร้านนี้ด่วนๆ!

5. ร้าน Baimiang_healthy_shop

ร้านนี้ไม่ได้มีแค่ขนมที่อร่อยเท่านั้น แต่เค้ายังรวบรวมอาหารสำหรับสุขภาพไว้มากมายทั้งเครื่องดื่ม ขนมปัง ซึ่งก็มีทั้งแบบคลีนและไม่คลีนเลยนะคะ ลองไปดูกันได้รับรองว่าคนที่ชอบพวกอาหารออร์แกนิกหรืออาหารจากโครงการหลวงจะต้องชอบมากแน่ๆ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับทั้ง 12 เมนูขนมสายคลีน และอีก 5 ร้านในไอจีที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ หวังว่าเพื่อนๆ คงจะชอบกันน้า สุดท้ายนี้เมื่อทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพแล้วก็อย่าลืมออกกำลังกายและใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ กันด้วยนะคะ แล้วมาพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ

ที่มาภาพ: thebakermama, skinnyms

View Comments (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published.

CAPTCHA


Scroll To Top